กลุ่มอีซูซุในประเทศไทยได้ดำเนินโครงการ อีซูซุให้น้ำ…เพื่อชีวิต

 มร. โทชิอากิ มาเอคาวะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด เผยว่า กลุ่มอีซูซุในประเทศไทยได้ดำเนินโครงการ อีซูซุให้น้ำ…เพื่อชีวิต ต่อเนื่องเป็นปีที่ 6 นับตั้งแต่     ปี พ.ศ. 2556 จนถึงปัจจุบัน โดยเราได้ส่งทีมงานลงพื้นที่สำรวจร่วมกับเจ้าหน้าที่ของกรมทรัพยากร   น้ำบาดาล กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อรับทราบถึงปัญหาการขาดแคลน “น้ำดื่มสะอาด” และปัญหาเรื่องสารปนเปื้อนในน้ำสูงเกินมาตรฐาน ทำให้ไม่สามารถนำมาบริโภคได้ เพื่อประเมินสถานการณ์ในการจัดสร้างระบบน้ำดื่มแบบครบวงจรให้กับโรงเรียนต่าง ๆ ในถิ่นทุรกันดารทั่วประเทศ สำหรับโรงเรียนบ้านหนองตะไก้แห่งนี้เป็นโรงเรียนลำดับที่ 30 ในโครงการฯ โดยทางโรงเรียนประสบปัญหาเรื่องตะกรันหินปูนปนเปื้อนใ   นน้ำ ทำให้ไม่สามารถนำน้ำมาบริโภคได้ อีซูซุจึงได้ดำเนินการให้ความช่วยเหลือ และทำการส่งมอบระบบน้ำดื่มสะอาดให้เป็นที่เรียบร้อย และในปีนี้กลุ่มอีซูซุในประเทศไทยยังคงเตรียมการเพื่อส่งมอบโครงการ “อีซูซุให้น้ำ…เพื่อชีวิต” ลำดับต่อ ๆ ไปให้กับโรงเรียนที่ประสบปัญหาเรื่องน้ำอย่างต่อเนื่องตามปณิธานที่มุ่งมั่นของกลุ่มอีซูซุในประเทศไทยที่ให้คำมั่นสัญญาว่าจะดำเนินโครงการนี้จนกว่าจะไม่มีโรงเรียนในประเทศไทยประสบปัญหาขาดแคลนน้ำดื่มสะอาดอีกต่อไป”

นายสุรัตน์ บัวพันธ์ ผู้อำนวยการสำนักทรัพยากรน้ำบาดาล เขต 5 นครราชสีมา   กรมทรัพยากรน้ำบาดาล กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เผยถึง ลุ่มอีซูซุในประเทศไทยได้ดำเนินโครงการ อีซูซุให้น้ำ…เพื่อชีวิต ว่า “กรมทรัพยากรน้ำบาดาลได้ดำเนินการจัดหาแหล่งน้ำบาดาลสะอาดให้แก่ประชาชนทั่วทุกภูมิภาค ทั้งในด้านน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภค และน้ำเพื่อการเกษตรมาโดยตลอดกว่า 2 ทศวรรษ แต่ก็ยังพบว่ามีอีกหลายพื้นที่ในเขตภูมิภาคที่ประชาชนยังประสบกับปัญหาขาดแคลนน้ำสะอาดในการดำรงชีวิตประจำวัน แต่ด้วยงบประมาณที่กรมทรัพยากรน้ำบาดาลได้รับการจัดสรร ประกอบกับบุคลากร และเครื่องจักรของกรมทรัพยากรน้ำบาดาลนั้นมีอยู่อย่างจำกัด จึงทำให้การแก้ไขปัญหาการขาดแคลนแหล่งน้ำสะอาดของประชาชนต้องใช้ระยะเวลานาน แต่ด้วยความห่วงใย และเจตนารมย์ที่ดีของกลุ่มอีซูซุในประเทศไทย ที่ได้ให้ความสนใจ และใส่ใจในคุณภาพชีวิตของเด็กนักเรียนและประชาชนโดยรอบ จึงได้ให้การสนับสนุนเงินทุนในการจัดสร้างโครงการน้ำโรงเรียน เพื่อมอบให้แก่เด็กนักเรียน และบุคลากรภายในโรงเรียน รวมถึงพี่น้องประชาชนที่อยู่ในชุมชนนั้น ๆ จึงเป็นอีกหนึ่งแรงสนับสนุนที่เป็นประโยชน์ และมีคุณค่ายิ่ง ในการบำบัดทุกข์ บำรุงสุขให้แก่ประชาชนทั่วทุกภูมิภาค”