ขับ NEW MG HS PHEV ปลั๊กอินไฮบริด

MG HS PHEV ลองระบบครบทุกฟังชั่น

กับราคาสุดคุ้ม 1,359,000 บาท

กระแสของรถประเภทพลังงานทางเลือกกำลังมาแรงในช่วงนี้ หลายค่ายให้ความสนใจเปิดตัวรถออกมาเพื่อเป็นทางเลือกที่ต้องการให้ผลิตภัณฑ์มีความหลากหลาย โดบเฉพาะค่ายรถยนต์ที่มีความพร้อมในเรื่องของเทคโนโลยีอยู่แล้ว อย่างค่าย MG ก็ถือว่ามีรถยนต์ไฟฟ้าอยู่หลายรุ่น ตัวก่อนหน้าที่เป็นไฟฟ้าเข้ามานำทางก่อนหน้านั้นก็คือ ZS EV ซึ่งก็ได้รับความนิยมได้ระดับที่ดีสำหรับรถประเภทนี้ นอกจากนี้ยังมีการเปิดตัวรถปลั๊กอินไฮบริด ก็คือรุ่น MG HS PHEV และรถไฟฟ้ารูปทรงสเตชั่นแวกอน MG EP ที่ได้รับความสนใจไม่แพ้กัน

สำหรับครั้งนี้จะเป็นการทดลองขับ NEW MG HS PHEV ปลั๊กอินไฮบริด แบบใช้งานจริง หลังจากที่ก่อนหน้านี้เรามีโอกาสได้ลองขับกันในสนามทดสอบของ MG มาแล้ว ซึ่งลักษณะการทดลองขับก็คงจะมีความแตกต่างกันเห็นได้อย่างชัดเจน แม้ระยะทางในการขับจะไม่ไกลมากนัก แต่ก็สามารถใช้กันได้แบบครบทุกฟังก์ชั่น

 

                SUV ปลั๊กอินไฮบริด ต่อยอดจาก HS เดิม

อันที่จริงอาจไม่ต้องบอกเรื่องของความสวยงามของรูปร่างหน้าตา เจ้า HS มากนัก เนื่องจากว่า SUV ของค่าย MG รุ่นนี้นั้นถือว่ามีความโดดเด่น ในเรื่องของรูปลักษณ์อยู่แล้ว เพียงปรับเปลี่ยน และเพิ่มเติมรูปแบบของพลังงานที่ใช้ให้สามารถขับเคลื่อนได้ทั้งพลังงานจากเครื่องยนต์ และพลังงานไฟฟ้าในโหมดที่เป็น EV เพียงอย่างเดียวได้

อย่างไรก็ตาม NEW MG HS PHEV ก็ยังถือว่าเป็นรถที่มีความโดดเด่นทางด้านดีไซน์ที่ยกระดับพื้นฐานมาจาก “MG HS” มากขึ้น โดยยังคงเน้นเรื่องความหรูหราและความสปอร์ต กระจังหน้าเอกลักษณ์เฉพาะของเอ็มจีแบบ Stellar Magnetic Field ไฟหน้าแบบ LED Projector พร้อมระบบเปิด-ปิดไฟสูงอัตโนมัติ

ไฟส่องสว่างสำหรับขับขี่เวลากลางวัน (Daytime Running Lights) ไฟท้าย LED Space Light Field ที่มีความโฉบเฉี่ยวและไฟเลี้ยวแบบ Sequential ที่แสดงผลแบบไล่ระดับ  ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง เพิ่มเอกลักษณ์ความเป็นรถยนต์ Plug-in Hybrid ด้วยล้ออัลลอยด์ดีไซน์ใหม่ในสไตล์ Thunder Wing Blade ขนาด 18 นิ้ว เท่านี้ก็น่าจะเพียงพอต่อความหล่อเหลาของรถแล้ว

                ภายในใส่เต็ม มาพร้อม i-SMART

หลยรุ่นที่ MG ทำตลาดนั้น เน้นเป็นพิเศษอยู่ 2 สิ่งก็คือ รูปลักษณ์ อุปกรณ์ และเทคโนโลยี มาว่ากันในเรื่องของการออกแบบภายในก่อน NEW MG HS PHEV ตกแต่งห้องโดยสารภายในด้วยสี 2-Tone Monaco Blue สีขาวอาจดูเลอะง่ายไปหน่อย แต่ถ้าดูแลดีๆ ก็ไม่มีปัญหา วัสดุ Soft Touch เบาะหนังคู่หน้าแบบ Sport Bucket Seat ตกแต่งด้วยวัสดุ Alcantara เบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้า 6 ทิศทาง เข้ากับสรีระได้ดี และเบาะนั่งผู้โดยด้านหน้าปรับไฟฟ้า 4 ทิศทาง

เพิ่มความเป็นส่วนตัวในห้องโดยสารด้วย NVH Luxury Silence Space เพิ่มฟิล์มกันเสียง และแผ่นซับเสียงภายในห้องโดยสาร ที่จะช่วยตัดเสียงรบกวนภายนอก พร้อมหลังคาซันรูฟที่เปิดกว้างแบบพาโนรามา (Panoramic Sunroof) บนพื้นที่เกือบ 90% ของพื้นที่หลังคา  มีจอแสดงผลอัจฉริยะ Full Virtual Dashboard ขนาด 12 นิ้ว และจอควบคุมกลางแบบทัชกรีนขนาด 10 นิ้ว ระบบเสียง BOSE 8.1 Sound System พร้อมสร้างบรรยากาศและสีสันให้กับ  การขับขี่ด้วย Interactive Ambient Light ที่สามารถปรับเฉดสีได้มากถึง 64 เฉดสี

งานนี้ MG จัดเต็มกว่าเดิม ร่วนระบบ i-SMART เทคโนโลยีในการเชื่อมต่อที่ทำให้ผู้ขับขี่สามารถสื่อสารกับรถเสมือนเป็นหนึ่งเดียวกัน มีระบบที่เขาเรียกว่า Smart Command สามารถสั่งการระบบผ่านคำสั่งเสียงภาษาไทยหรือควบคุมการทำงานของระบบต่างๆ ผ่านสมาร์ทโฟน พร้อมยกระดับความสมาร์ทเพื่อความปลอดภัยด้วย Emergency Call ซึ่งเป็นระบบโทรหาคนสำคัญอัตโนมัติในกรณีฉุกเฉินเมื่อถุงลมนิรภัยทำงาน

Smart Connect เชื่อมต่อโลกออนไลน์ พร้อมนำทางและรายงานการจราจรแบบ Real Time รวมทั้งการอ่านข้อมูลข่าวสารต่างๆ ได้อย่างทันเหตุการณ์ และยังสามารถอัพเกรดระบบได้เองผ่านช่องทางออนไลน์ Smart Check ที่มีระบบ Charging Management ในการตรวจสอบสถานะแบตเตอรี่ การชาร์จไฟฟ้าเข้าแบตเตอรี่ และการค้นหาสถานีอัดประจุไฟฟ้า รวมถึงการตรวจสอบสถานะรถยนต์และเตือนเมื่อมีสถานะผิดปกติ สั่งการล็อคหรือปลดล็อคประตูรถ ค