จับกระแสตลาดยานยนต์ไทย 2020 แนวโน้มยอดขายฟื้น
นักการตลาดชี้ “ซื้อรถด้วยอารมณ์” เหนือเหตุผล…!!
สมาคมผู้สื่อข่าวรถยนต์และรถจักรยานยนต์ไทย (สรยท.) หรือ (Thailand Automotive Journalists Association : TAJA) จัดเสวนาทางวิชาการ ในหัวข้อ “2020 ทิศทางยานยนต์ไทย คิด…ทำ…ปรับตัว..?!?!”
โดยมีผู้บริหารจากองค์กรชั้นนำในภาคอุตสาหกรรมยานยนต์มาขึ้นเวทีชี้แนวโน้มอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย ประกอบด้วย นายอดิศักดิ์ โรหิตะศุน กรรมการสถาบันยานยนต์ ผู้ทำการแทนผู้อำนวยการสถาบันยานยนต์ และนายครรชิต ไชยสุโพธิ์ ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (สอท.) นอกจากนี้บนเวทีเดียวกันยังมีนายธีรพันธ์ โล่ห์ทองคำ ที่ปรึกษาและนักกลยุทธ์การตลาดชื่อดัง นักกลยุทธ์การตลาดแถวหน้ามาชี้เทรนด์พฤติกรรมผู้บริโภคในการเลือกซื้อสินค้ายานยนต์ภายใต้กระแสโลกาภิวัตน์ สิ่งเร้าใหม่ๆ และไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว…!!
นายอดิศักดิ์ โรหิตศุน กรรมการสถาบันยานยนต์ผู้ทำการแทนผู้อำนวยการสถาบันยานยนต์ กล่าวว่า ตลาดรถยนต์ปีนี้เติบโตได้ดีในช่วงครึ่งปีแรก แต่เริ่มสะดุดเมื่อเข้าสู่ครึ่งปีหลัง ทำให้ยอดขายสะสมช่วง 10 เดือน (มกราคม-ตุลาคม 2562) มีอัตราเติบโตต่ำ แค่ 0.7% ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากสภาพตลาด โดยตลาดใหญ่คือรถยนต์นั่งขนาดเครื่องยนต์ไม่เกิน 1,500 ซีซี. ที่ลดลงทำให้ส่งผลกับค่าเฉลี่ยตลาดรวม
ทั้งนี้ในช่วงครึ่งปีแรกรถยนต์นั่งขนาดเครื่องยนต์ไม่กิน 1,500 ซีซี. เติบโตสูง ผลักดันตลาดรวมให้โตโดดเด่น แต่ช่วงครึ่งปีหลังเติบโตแค่ 1-3% เท่านั้น นอกจากนี้มองว่าทิศทางตลาดที่ไม่ดีนัก มาจากหลายปัจจัย ทั้งเรื่องของภาวะเศรษฐกิจ ปัญหาหนี้เสีย และผู้บริโภคชะลอการซื้อรถ เพื่อรอดูรถใหม่ที่เปิดตัวช่วงปลายปีจำนวนมาก อย่างไรก็ตามเมื่อเปิดตัวแล้วหลายรุ่นก็ยังไม่พร้อมส่งมอบ ทำให้ยังไม่สามารถฟื้นตลาดได้ รวมถึงเดือนพฤศจิกายน 2562 ที่คาดว่าตลาดก็ยังจะถดถอย ก่อนที่จะเริ่มเติบโตในเดือนธันวาคม 2562
“คาดว่าเดือนธันวาคมน่าจะดีขึ้น และปีหน้าที่ธนาคารโลกคาดว่าเศรษฐกิจโลกจะดีขึ้น เศรษฐกิจไทยก็จะดีขึ้นเช่นกัน แม้ไม่มากนัก แต่ก็จะส่งผลดี”
นายอดิศักดิ์ กล่าวว่า แต่สิ่งที่น่ากังวลมากกว่าคือสถานการณ์การส่งออก ที่ได้รับผลกระทบจากทั้งค่าเงินบาทที่แข็ง รวมกับเศรษฐกิจของประเทศปลายทางไม่ดีนัก ทั้งจากภายในเอง และผลกระทบจากสงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯที่ยังส่งผลในวงกว้าง
ตลาดที่ส่งผลกระทบกับการส่งออกของไทย เช่น ตลาดใหญ่อย่างออสเตรเลีย ขณะเดียวกันก็ยังจับตาความเคลื่อนไหวของเพื่อนบ้าน เช่น เวียดนาม ที่เริ่มหามาตรการกีดกันทางการค้าเพื่อลดการนำเข้ารถยนต์จากไทย และอินโดนีเซีย เพราะต้องการผลักดันอุตสาหกรรมในประเทศ หรือฟิลิปปินส์ที่มีปัญหาฟ้องร้องกับบริษัทบุหรี่ในไทย และใช้โอกาสนี้หยิบเอาสินค้ารถยนต์มาเป็นเครื่องต่อรอง
นอกจากนี้ยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่คนในวงการจะต้องปรับตัว นั่นคือผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยี หรือ เทคโนโลยี ดิสรัปชัน นั่นคือการมาของรถยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าขับเคลื่อน หรือ เอ็กซ์อีวี (XEV) เช่น อีวี ไฮบริด ปลั๊ก-อิน ไฮบริด ระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติ (autonomous) ระบบเชื่อมต่อ (Connectivity) และระบบการแบ่งปันใช้งาน (Car sharing) ซึ่งผู้ประกอบการ โดยเฉพาะคนไทยจะต้องเร่งปรับตัวรับมือการเปลี่ยนแปลงเพื่อคงศักยภาพการแข่งขัน และมุ่งไปสู่การผลิตสินค้าที่ตอบรับทิศทางในอนาคต
ด้านนายครรชิต ไชยสุโพธิ์ ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (สอท.) กล่าวว่า ตลาดรถยนต์ไทย เผชิญกับวิกฤติมาแล้วหลายครั้ง แต่ก็ยังสามารถฝ่าฟันอุปสรรคมาได้ทุกครั้ง และภาพรวมการผลิตยังอยู่ในระดับที่สูง แม้ว่าปีนี้จะติดลบประมาณ 4%
สำหรับตลาดในประเทศช่วง 11 เดือน (ม.ค.-พ.ย.) มียอดขายรวมปร