ทดสอบ MAZDA CX-30 เส้นทาง ขอนแก่น น้ำหนาว เขาค้อ พิษณุโลก
ด้วยสถานการณ์ ไวรัส โควิท 19 ที่ถือว่าเป็นปัญหาระดับโลก และส่งผลกระทบกับการดำรงค์ชีวิตของคนไทย หลายกิจกรรมต้องยกเลิก โดยเฉพาะการเปิดตัวรถยนต์ในช่วงเตรียมพร้อมก่อนมอเตอร์โชว์ที่มีการประกาศเลื่อนการจัดงานออกไปเป็นช่วงปลายเดือนเมษายน การเปิดตัวรถยนต์ใหม่ MAZDA CX-30 แม้ไม่ได้จัดงาน แต่ ก็มีการเผยโฉมและประกาศในโลกโซเชี่ยล ทั้งข้อมูลและเรื่องราคา และครั้งนี้เราก็มีโอกาสได้ ทดสอบ MAZDA CX-30 เส้นทาง ขอนแก่น น้ำหนาว เขาค้อ พิษณุโลก เพื่อพิสูจน์ความน่าใช้กันอย่างไม่ต้องรีรอกังวลใจ
การทดสอบ MAZDA CX-30 ถือเป็นสิ่งที่น่าสนใจเนื่องจาก CX-30 เป็นรถเซ็กเม้นต์ใหม่ของค่าย มาสด้า ที่จะเข้ามาเติมเต็มขนาดของรถประเภท ครอสโอเวอร์ และเอสยูวี ให้ลูกค้าได้มีตัวเลือกที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น ซึ่งขนาดของ CX-30 นี้จะคั่นอยู่กลางระหว่าง CX-3 กับ CX-5 นั่นเอง
ออกแบบจากแพล็ทฟอร์ม MAZDA3
หลายคนอาจสงสัยในชื่อของ MAZDA CX-30 ถึงเป็นเลข 2 ตัว ไม่ใช้ชื่อ CX-4 เช่นเดียวกับในประเทศจีน เหตุผลก็คือ CX-30 นั้น ใช้แพลทฟอร์มจาก MAZDA3 ที่ใช้ตัวถัง SKACTIV-Vehicle Architecture ซึ่งเป็นสกายแอคทีฟแพลตฟอร์มเจเนอเรชั่นที่ 7 ตัวใหม่ล่าสุด ส่วน CX-4 ที่มีจำหน่ายในจีนนั้น ใช้แพลทฟอร์มจาก MAZDA3 รุ่นเก่า แน่นอนครับว่า ในตัวที่เป็นเลขรหัสตัวเดียวอย่าง CX-3, CX-5 และ CX-8 ก็ยังไม่ใช้ตัวของ SKACTIV-Vehicle Architecture
สำหรับการออกแบบด้านหน้าของ CX-30นั้นถือว่าโดดเด่นและโฉบเฉี่ยว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ซิกเนเจอร์วิงที่เป็นเอกลักษณ์ของมาสด้านั้นอยู่ในรูปแบบที่คมชัดและลึกกว่าเดิม ส่วนกันชนหน้า ก็ออกแบบเพื่อให้ได้หน้ารถที่มีลักษณะพุ่งไปข้างหน้า ส่วนไฟหน้า เป็นโปรเจ็คเตอร์ LED ที่สามารถปรับระดับ สูง–ต่ำอัตโนมัติ และเปิดปิดอัตโนมัติด้วย มีไฟ Daytime Running Lamp แบบธรรมดาในตัวรองท็อป และแบบ LED ในตัวท็อป
ด้านข้างตัวถังแสดงถึงรูปแบบที่หลากหลายตามมุมมองและแสงที่ตกกระทบ ซุ้มล้อด้านหลังยื่นเด่นออกมาจากห้องโดยสาร รวมกับรูปทรงโค้งของประตูท้ายดูเข้าชุดกับโคมไฟท้ายที่ได้รับการออกแบบให้มีความโฉบเฉี่ยว โดยจะเป็นแบบ LED Signatureแสงรูปวงแหวนจะเห็นเด่นชัดในตอนกลางคืน การออกแบบโดยรวมในสไตล์ของมาสด้า เราถือว่าดูเรียบหรู สวยงามเน้นเส้นสายที่พริ้วไหวตามแสงกระทบ เหลี่ยมสันไม่มาก และถ้าเราดูกันที่ตัวเลขของความสูงใต้ท้องรถอยู่ที่ 175มม. เทียบกับคู่แข่งแล้วถือว่ามีความสูงมากกว่า SUV ในระดับ C เซ็กเม้นต์ ในขณะที่ความสูงตัวรถทั้งหมด 1,540 มม. ก็ยังต่ำกว่าคู่แข่ง ว่ากันง่ายคือตัวถังมีความแบนและเรียวกว่ารถในระดับเดียวกัน มีคำถามว่าแล้วอย่างนี้ภายในจะนั่งสบายหรือไม่ มีคำตอบให้แน่นอนครับ
CX-30 มีให้เลือกทั้งล้ออลูมิเนียมอัลลอยด์ ขนาด 18 นิ้ว ในตัวท็อปและ16 นิ้วในรุ่นอื่น โดยยางจะเป็นขนาด 215/55R18 และ 215/65R16 ซึ่งรุ่นที่เรามีโอกาสได้ทดสอบนั้นเป็นรุ่น 2.0SP หรือว่าตัวท็อป ก็คงจะต้องขอหยิบยกเอาความรู้สึกต่างๆ เฉพาะในตัวสูงสุดมาพูดกันเท่านั้น
ภายในเรียบแต่ดูล้ำ
การออกแบบห้องโดยสารของ CX-30 ถือว่ามีความสวยงาม ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับการออกแบบภายนอก เน้นความเป็นเอนกประสงค์ตามแนวคิดการออกแบบของรถเอสยูวี บริเวณที่นั่งคนขับนั้นมีความสมมาตรและมีศูนย์กลางอยู่ที่คนขับ มาตรวัดทั้งสามบนหน้าปัด และจอแสดงผลส่วนกลางทำมุมเอียงอย่างถูกต้องไปยังตำแหน่งการขับขี่ ทำให้ผู้ขับขี่สามารถควบคุมรถได้ง่าย
แผงคอนโซลหน้าแผ่กว้างทอดยาวจากแผงหน้าปัดไปจรดขอบประตูด้านผู้โดยสาร ส่วนคอนโซลกลางก็ถือว่ากว้างทำให้สามารถจัดวางตำแหน่งคันเกียร์ ที่วางแก้ว และปุ่มควบคุม ใกล้กับผู้ขับขี่เพื่อการใช้งานที่สะดวก แผงคันเกียร์ใช้เทคโนโลยีการขึ้นรูปสองชั้นของมาสด้าที่ได้พัฒนาขึ้นเป็นครั้งแรกสำหรับ Mazda3 ใหม่
พื้นที่ภายในห้องโดยสารนี้ทำให้ผู้โดยสารทุกคนรู้สึกสบายและผ่อนคลายแม้ขับขี่เป็นระยะทางไกลๆ ในขณะที่พื้นที่เก็บสัมภาระมีการปรับปรุงให้มีพื้นที่บรรทุกสัมภาระได้มากขึ้น ระยะห่างระหว่างเบาะนั่งคู่หน้าที่มากถึง 740 มิลลิเมตร ซึ่งอยู่ในระดับเดียวกับ CX-5 บริเวณคอนโซลกลางที่กว้างและที่พักแขนบริเวณประตู ทำให้ได้เบาะนั่งที่ให้ความสบายและผ่อนคลาย ระยะที่เพิ่มขึ้นระหว่างตำแหน่งสะโพกของเบาะนั่งด้านหน้าและด้านหลัง ทำให้พื้นที่ผู้โดยสารด้านหลังมีพื้นที่บริเวณขากว้างมากขึ้น ตลอดจนพื้นและจุดสะโพกที่ต่ำทำให้ที่นั่งด้านหลังสะดวกสบายแม้ผู้โดยสารจะตัวสูง นี่ก็ถือเป็นการตอบคำถามที่ว่า CX-30 มีการออกแบบพื้นที่ภายในห้องโดยสารอย่างไรให้ผู้โดยสารดูแล้วไม่อึดอัด
ตารางเปรียบเทียบคุณลักษณะที่สำคัญ
CX-30 | CX-3 | CX-5 | ||
ความยาวรวม | มิลลิเมตร | 4,395 | 4,275 | 4,550 |
ความกว้างรวม | มิลลิเมตร | 1,795 | 1,765 | 1,840 |
ความสูงรวม (ถึงหลังคารถ) | มิลลิเมตร | 1,540 | 1,535 | 1,680 |
ระยะฐานล้อ | มิลลิเมตร | 2,655 | 2,570 | 2,700 |
ระยะจากล้อหน้าถึงกันชนหน้า | มิลลิเมตร | 915 | 910 | 950 |
ระยะจากล้อหลังถึงกันชนหลัง | มิลลิเมตร | 825 | 795 | 900 |
ระยะต่ำสุดจากพื้น | มิลลิเมตร | 175 | 160 | 193 |
ระยะเหนือศีรษะด้านหน้า | มิลลิเมตร | 967 | 976 | 1,007 |
ระยะบริเวณไหล่ด้านหน้า | มิลลิเมตร | 1,412 | 1,360 | 1,451 |
ระยะบริเวณขาด้านหน้า | มิลลิเมตร | 1,058 | 1,058 | 1,041 |
ระยะเหนือศีรษะด้านหลัง | มิลลิเมตร | 973 | 944 | 991 |
ระยะบริเวณไหล่ด้านหลัง | มิลลิเมตร | 1,361 | 1,281 | 1.391 |
ระยะบริเวณขาด้านหลัง | มิลลิเมตร | 921 | 888 | 1,007 |
ความจุสัมภาระขนาด 317 ลิตร (VDA) ขนาดกว้างพอที่จะรองรับรถเข็นเด็กและกระเป๋าเพิ่มอีกหนึ่งใบ เช่น กระเป๋าเดินทางที่สามารถถือขึ้นเครื่องบิน เป็นต้น ในขณะที่ประตูท้ายที่มีขนาดกว้าง 1,020 มิลลิเมตร ทำให้มีพื้นที่เก็บสัมภาระและใช้งานได้ง่าย ส่วนประตูท้าย เปิด–ปิด ด้วยระบบไฟฟ้า
พวงมาลัยที่สามารถปรับสูงต่ำได้ถึง 45 มิลลิเมตร และมีช่วงยืดเข้า–ออก มากถึง 70 มิลลิเมตร ช่วยให้สามารถปรับตำแหน่งการขับขี่ได้อย่างแม่นยำ นอกจากนี้ เบาะนั่งด้านหน้าที่สามารถปรับระดับความเอียงได้เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน เพื่อช่วยรองรับต้นขาของผู้ขับขี่ได้อย่างเหมาะสม
CX-30 ใช้ระบบ Mazda Connect รุ่นเดียวกับ Mazda3 ใหม่ การปรับปรุงสมรรถนะการทำงานขั้นพื้นฐานทำให้ระบบทำงานได้เร็วกว่ารุ่นก่อนหน้า ระบบเสียงลำโพง 12 ตัว ที่พัฒนาร่วมกับ Bose Corporation ด้วยรูปแบบการจัดวางลำโพงพื้นฐานของระบบ Mazda Harmonic Acoustics ลำโพง 12 ตัวของระบบเสียง Bose®ประกอบด้วยลำโพงเสียงต่ำขนาด 3 ลิตร ที่ติดตั้งบริเวณด้านข้างของคอนโซลหน้า ลำโพงเสียงแหลมขนาด 2.5 เซนติเมตร ที่ด้านซ้ายและขวาของกระจกมองข้าง และลำโพงเสียงกลางขนาด 8 เซนติเมตร ในส่วนบนของแผงประตูหน้าและหลัง เพิ่มลำโพงกลาง 8 ซม.กลางคอนโซลหน้าด้านบน ลำโพงคู่หลังและซับวูฟเฟอร์ นอกจากนี้ยังสามารถปรับแต่งเสียงได้เอง
เครื่องยนต์ 2.0 ลิตร ตัวเดียวกับ MAZDA3
อย่างที่เรารู้กันดีว่า มาสด้าได้เปิดตัว SKACTIV-Vehicle Architecture ซึ่งเป็นสกายแอคทีฟแพลตฟอร์มเจเนอเรชั่นใหม่ ตัวแรกที่เห็นก็คือใน MAZDA3 และแน่นอนว่าใน CX-30 ก็ยกเอาแพลทฟอร์มนี้มาใช้ทั้งเครื่องยนต์ เกียร์และช่วงล่าง
เครื่องยนต์ SKYACTIV-G 2.0 รุ่นล่าสุดของมาสด้ามีการพัฒนาท่อไอดีและรูปทรงของลูกสูบที่เหมาะสม ระบบการฉีดน้ำมัน วาล์วควบคุมน้ำหล่อเย็น เพื่อประสิทธิภาพของเครื่องยนต์ที่สูงขึ้น ประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
คุณลักษณะจำเพาะของเครื่องยนต์สกายแอคทีฟเบนซิน
SKYACTIV-G 2.0 | |
ปริมาตรกระบอกสูบ | 1,998 ซีซี |
เส้นผ่าศูนย์กลางกระบอกสูบ x ระยะชัก | 83.5 มิลลิเมตร x 91.2 มิลลิเมตร |
อัตราส่วนการอัด | 13.0 : 1 |
กำลังสูงสุด | 121 กิโลวัตต์ (165 แรงม้า) ที่ 6,000 รอบต่อนาที |
แรงบิดสูงสุด | 213 นิวตันเมตร ที่ 4,000 รอบต่อนาที |
การสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง | 15.4 กิโลเมตรต่อลิตร |
ระบบส่งกำลัง เป็น Skyactive Drive อัตโนมัติ 6 สปีด ที่มาพร้อมแมน่วลโหมด สามารถควบคุมได้ทั้งที่คันเกียร์ และแพดเดิ้ลชิพ หลังวงพวงมาลัย ซึ่งการทำงานจะดึงคันเกียร์เข้าหาตัวในขณะที่อยู่ในตำแหน่ง D โยกลงเป็นการเพิ่มตำแหน่งเกียร์ และดันขึ้นเป็นการลดตำแหน่งเกียร์ แต่ในการขับขี่เพื่อความสะดวกสบาย ไม่จำเป็นต้องโยกเกียร์เข้าหาตัว แต่สามารถใช้แพเดิ้ลชิพในการลดหรือเพิ่มตำแหน่งเกียร์เพื่อเป็นเอนจิ้นเบรกได้เลย ซิ่งเกียร์ตอบสนองการทำงาน หรือการเปลี่ยนของเราได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ช่วงขึ้นเขาลงเขา มีตำแหน่งโอเวอร์ไดรฟ์ ที่เกียร์ 5 และ เกียร์ 6
ระบบช่วงล่างของ CX-30 ใช้แม็คเฟอร์สันสตรัท (MacPherson Struts) ด้านหน้า และใช้แบบกึ่งอิสระทอร์ชั่นบีม (Torsion beam) ที่ด้านหลัง ซึ่งเปิดตัวครั้งแรกใน Mazda3 ใหม่
สำหรับการเดินทางทดสอบรถยนต์ MAZDA CX-30 ในครั้งนี้ มีทั้งหมด 3 ช่วง เรามีโอกาสได้สัมผัสที่นั่งทั้ง 3 ที่นั่งก็คือ ที่นั่งผู้โดยสารตอนหลัง ที่นั่งของผู้โดยสารตอนหน้า และที่นั่งของผู้ขับ เรามาดูในความรู้สึกแรกของผู้โดยสารตอนหลัง แม้ขนาดของห้องโดยสารไม่กว้าง และสูงนัก แต่การจัดวางตำแหน่งที่นั่ง CX-30 ก็ทำได้ค่อนข้างดี เบาะนั่งหลังปรับเอนไม่ได้ แต่ก็มีการวางองศาในการเอนเอาไว้ในระดับที่นั่งสบาย มีที่้ท้าวแขนตรงกลาง มีแอร์หลัง แต่ไม่มีช่องเสียบ USB ระบบรองรับด้านหลังเป็นทอร์ชั่น แน่นอนว่าเมื่อวิ่งผ่านเส้นทางที่ขรุขระ ก็จะมีความรู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนบ้าง แต่เราว่าใน CX-30 นั้น ถือว่ากระด้างน้อยกว่า MAZDA3
ที่นั่งผู้โดยสารตอนหน้า เบาะนั่งสบาย แม้ว่าจะการปรับตำแหน่งจะใช้เป็นแมน่วล แต่สิ่งหนึ่งที่ถือว่าโดยเด่นก็คือสามารถปรับระดับความสูง–ต่ำของเบาะ เพื่อให้เข้ากับสรีระของผู้นั่งได้ การจัดวางช่วงล่างหน้าแบบแม็คเฟอร์สันสตรัททำให้รู้สึกนุ่มนวลกว่าด้านหลัง
สมรรถนะในการขับขี่
การได้เป็นผู้กุมบังเหียนของ MAZDA CX-30 นั้นถือว่าน่าจะเป็นตำแหน่งที่ดีสุด เหตุผลแรกก็คือ CX-30 เป็นรถที่ขับสนุก เครื่องยนต์ 2.0 ลิตรตอบสนองในการใช้งานได้อย่างเหมาะสม โดดเด่นทั้งในช่วงของการเร่งแซง การเดินทางโดยใช้ความเร็วสูง และแพลทฟอร์มใหม่ก็ช่วยให้ตัวรถมีความมั่นคง การยึดเกาะถนนที่มั่นใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่เป็นทางโค้งขึ้นและลงเขา การควบคุมพวงมาลัยรถที่ถือว่ากระชับ และคมเป็นไปได้อย่างที่เราต้องการ ซึ่งนี่ถือเป็นจุดเด่นที่มีให้เห็นตั้งแต่ในมาสด้า3 เจนใหม่ที่เราเคยขับกันไปก่อนหน้านี้
นอกจากนี้การนำเทคโนโลยีที่ชือว่า ระบบควบคุมสมรรถนะการขับขี่อัจฉริยะขั้นสูง G-Vectoring Control Plus (GVC Plus) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ช่วยเพิ่มเสถียรภาพในการเลี้ยวโดยการใช้เบรกเพื่อเพิ่มการควบคุมการหันเหของรถ นอกเหนือจากการควบคุมเครื่องยนต์แบบเดิมด้วย GVC
หลักการมันก็คือ เมื่อผู้ขับขี่ขับรถออกจากโค้งโดยคืนพวงมาลัยกลับไปที่ตำแหน่งกึ่งกลาง GVC Plus จะเพิ่มแรงเบรกเพียงเล็กน้อยที่ล้อหน้าด้านนอก ทำให้เกิดเสถียรภาพซึ่งจะช่วยให้รถกลับมาวิ่งตรงเหมือนเดิมได้ง่ายขึ้น ระบบสามารถรับรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่องของการหันเห (yaw) การโคลงของตัวรถ (roll) และการกระดกหน้า–หลัง (pitch) แม้อยู่ภายใต้แรงเข้าสู่ศูนย์กลางที่มาก
เป็นการเพิ่มเสถียรภาพการทรงตัวของรถจากการหมุนพวงมาลัยอย่างกระทันหัน และการออกจากโค้งที่แม่นยำ นอกจากนี้ยังมีการเพิ่มเสถียรภาพการทรงตัวของรถในการหลบหลีกการชนปะทะแบบฉุกเฉิน GVC Plus ให้ความรู้สึกมั่นใจในการควบคุมรถเมื่อเปลี่ยนเลนบนทางหลวงและเมื่อขับบนหิมะหรือพื้นผิวถนนลื่นอื่นๆ
สิ่งที่น่าสนใจอีกอย่างก็คือเรื่องของการเก็บเสียง ทั้งเสียงเครื่องยนต์ลม และแรงสั่นสะเทือนในด้านหลังจะเห็นว่า เสียงลม และเาียงเครื่องนั้นถือว่าเงียบกว่ารถหลายรุ่นทั้งของมาสด้าเอง และคู่แข่ง อาจมีเสียงสะท้านเข้ามาในรถบ้างเล็กน้อยเมื่อวิ่งผ่านถนนที่ขระขระ แต่โดยรวมถือว่าเงียบดีทีเดียว
อัตตราสิ้นเปลืองน้ำมัน เป็นสิ่งที่เราลองจับกันในช่วงที่ 3 คือ เส้นทางเขาค้อ ไปยังพิษณุโลก เส้นทางนี้ถือว่าเป็นเส้นทางที่มีความสวยงาม ครบเครื่องทั้งเรื่องของทางโค้ง ทางขึ้นเขา ลงเขา รวไปถึงเส้นทางที่ต้องวิ่งเข้าตัวเมือง ระยะทางทั้งสิ้น 109 กม. ซึ่งเราสามารถทำตัวเลขจากคอนซัมชั่นบนแผงหน้าปัดได้ 14.0 กม./ลิตร
ระบบ i-Activsense ที่ใช้ใน CX-30
ALL-NEW MAZDA CX-30 มาพร้อมความปลอดภัยระดับสูงสุดด้วยเทคโนโลยี i-ACTIVSENSE ที่ได้รับการคิดค้นและพัฒนาโดยเน้นการป้องกันเพื่อลดความเสี่ยงจากการเกิดอุบัติเหตุมากถึง 12 ระบบ ก็คือ
- ระบบแสดงภาพ 360 องศา รอบทิศทาง (360 ̊ View Monitor)
- ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน ABSM (Advanced Blind Spot Monitoring)
- ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง RCTA (Rear Cross Traffic Alert)
- ระบบควบคุมความเร็วรถอัตโนมัติ MRCC (Mazda Radar Cruise Control)
- ระบบควบคุมความเร็วและพวงมาลัยตามรถคันหน้า CTS (Cruising & Traffic Support)
- ระบบเตือนการชนด้านหน้าและช่วยเบรกอัตโนมัติแบบ Advance หรือ Advanced SBS (Advanced Smart Brake Support)
- ระบบช่วยเบรกและหยุดรถอัตโนมัติขณะถอยหลัง SBS-R (Smart Brake Support-Reverse)
- ระบบช่วยหยุดรถเมื่อมีรถอยู่ในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง SBS-RC (Smart Brake Support-Rear Crossing)
- ระบบไฟหน้า LED อัจฉริยะ ALH (Adaptive LED Headlamps)
- ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน LAS (Lane-keep Assist System)
- ระบบเตือนเมื่อรถเบี่ยงออกนอกเลน LDWS (Lane Departure Warning System)
- ระบบช่วยเตือนเมื่อเหนื่อยล้าขณะขับขี่ DAA (Driver Attention Alert)
อีกทั้งยังปกป้องทันทีจากอุบัติเหตุด้วยถุงลมนิรภัยคู่หน้า ด้านข้าง ม่านถุงลมนิรภัย และถุงลมบริเวณหัวเข่าด้านคนขับ รวม 7 ตำแหน่ง
MAZDA CX-30 ถือเป็นรถอีกหนึ่งตัวเลือกของ ครอสโอเวอร์เอสยูวี ที่เข้ามาเสริมทัพให้มีตัวเลือกหลากหลายยิ่งขึ้น แต่คงไม่ใช่แค่ตัวเลือก เนื่องจากมันถือว่าเป็นแพลทฟอร์มของเจนที่ 7 ตัวล่าสุด มันย่อมโดดเด่นกว่ารุ่นพี่ๆ ทั้งหลาย สำหรับท่านที่สนใจเราไปดูราคาค่าตัวของรถ โดย CX-30 มีทั้งหมด 3 รุ่นคือ รุ่น 2.0 C ราคา 989,000 บาท รุ่น 2.0 Sราคา 1,099,000 บาท และรุ่น 2.0 SP ราคา 1,199,000 บาท