ฟอร์ด เพอร์ฟอร์แมนซ์ (Ford Performance) ส่ง ฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ สู่สนามทดสอบในพื้นที่ทุรกันดารและทะเลทรายในประเทศออสเตรเลีย จากนั้น ได้มุ่งสู่แคลิฟอร์เนีย เพื่อเผชิญบทพิสูจน์ในทะเลทรายสุดหฤโหดแห่งเดียวกับที่ฟอร์ดพัฒนา F-150 แร็พเตอร์ มาแล้วโดยดีเอ็นเอของรถ F-150 แร็พเตอร์ อันเลื่องชื่อนั้น ได้รับแรงบันดาลใจมาจากรถกระบะออฟโรดที่ใช้วิ่งสำรวจสภาพถนน เพื่อนำข้อมูลไปเตรียมรถลงแข่งขันความเร็วสูงที่ทะเลทรายบาฮาและดาการ์
มร. เฮอร์มานน์ ซาเลนบอค ผู้อำนวยการ ฟอร์ด เพอร์ฟอร์แมนซ์ แจ้งว่า เรนเจอร์ แร็พเตอร์ ต้องผ่านสนามทดสอบเดียวกัน บททดสอบเดียวกัน และมาตรฐานเดียวกันกับพี่ใหญ่ อย่าง F-150 แร็พเตอร์ “นี่คือเส้นทางที่มีความหฤโหดระดับเดียวกันกับการแข่งขันบาฮา1000 และดาการ์ แรลลี่ ที่เราหามาได้” มร. ซาเลนบอค กล่าว “นี่คือพื้นที่ที่ดีที่สุดในโลกที่จะใช้ทดสอบความแกร่งของรถกระบะประเภทนี้ ถ้าผ่านที่นี่ไปได้ ก็ไม่มีที่ไหนที่เป็นอุปสรรคของเรนเจอร์ แร็พเตอร์ อีกต่อไป”
“คุณจะเห็นได้อย่างชัดเจนว่าทุกแง่มุมของรถคันนี้ได้รับการออกแบบมาโดยมีสมรรถนะเป็นหัวใจหลัก ทั้งช่วงล้อที่กว้างขึ้น ความสูงที่เพิ่มขึ้น แก้มข้างรถที่ขยายออก โช้คอัพของ FOX Racing Shox รวมถึง ล้อและยางที่ใหญ่ขึ้น รูปลักษณ์ที่ดุดันสื่อถึงสมรรถนะที่อัดแน่นเต็มเปี่ยมของรถคันนี้ นี่คือ แร็พเตอร์อย่างแท้จริง ที่มีดีเอ็นเอของฟอร์ด เพอร์ฟอร์แมนซ์ อยู่ในทุกตารางนิ้ว”
มร. ดาเมียน รอส หัวหน้าทีมวิศวกร ฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ รู้ดีว่าทีมของเขาได้สร้างสุดยอดรถกระบะที่เปี่ยมไปด้วยดีเอ็นเอของฟอร์ด เพอร์ฟอร์แมนซ์ ตั้งแต่ช่วงแรกๆ ของการพัฒนาและทดสอบบนเส้นทางออฟโรดสุดโหดในทะเลทรายฟิงเค่อ ประเทศออสเตรเลีย
“หนึ่งในเป้าหมายระยะแรกของเรา คือ การออกแบบโครงสร้างของตัวรถที่สามารถรับมือกับการขับขี่แบบออฟโรดความเร็วสูงได้” มร. รอส กล่าว “เราทดสอบความเร็วกับรถต้นแบบหลายครั้ง และได้ผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยม เรารู้ทันทีว่าเรากำลังสร้างสรรค์สิ่งพิเศษ”
ระบบกันสะเทือนหลังแบบใหม่ รวมถึงระบบวัตต์ลิงค์และสปริงคอยล์โอเวอร์ช็อค ทำให้เพลาเคลื่อนที่อย่างมั่นคง จึงช่วยเรื่องการทรงตัวและการควบคุมรถให้ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้ ช่วงล่างที่ถูกยกสูงขึ้นและระยะช่วงล้อที่กว้างขึ้น มุมไต่และมุมจากเพิ่มขึ้น ยังช่วยเรื่องการทรงตัว ทำให้สามารถขับขี่แบบออฟโรดในทุกภูมิประเทศและทุกความเร็วได้อย่างมั่นใจ
การผสานการทำงานของขุมพลังเครื่องยนต์ดีเซลใหม่แบบ Bi-Turbo (เทอร์โบคู่) ขนาด 2.0 ลิตร และเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของฟอร์ดในการมอบพลังและประสิทธิภาพจากเครื่องยนต์ทรงพลังขนาดเล็ก พร้อมมอบแรงบิดและแรงม้าที่เต็มประสิทธิภาพด้วยเทอร์โบ 2 ลูก และอัตราทดเกียร์ที่แคบลง
ห้องโดยสารภายใน เรนเจอร์ แร็พเตอร์ มาพร้อมความประณีตขั้นสูง ตามดีเอ็นเอของฟอร์ด เพอร์ฟอร์แมนซ์ เบาะที่นั่งได้รับการออกแบบเป็นพิเศษ เพื่อรองรับการขับขี่แบบออฟโรดความเร็วสูง ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถควบคุมรถขณะวิ่งด้วยความเร็วสูงบนเส้นทางออฟโรดได้อย่างง่ายดาย ทั้งยังมอบความสะดวกสบายระหว่างการเดินทางแบบออนโรดได้อย่างเหนือชั้น
จะเห็นได้ว่าความเปลี่ยนแปลงหลายส่วนสำหรับดีเอ็นเอของฟอร์ด เพอร์ฟอร์แมนซ์ (Ford Performance) มีบทบาทสำคัญในการออกแบบเรนเจอร์ แร็พเตอร์ เป็นอย่างมาก ซึ่งรวมถึงแถบบอกตำแหน่งองศาพวงมาลัย On-Centre Marker ที่เป็นแถบสีแดงด้านบนของพวงมาลัย ช่วยให้นักขับออฟโรดทราบถึงตำแหน่งองศาของพวงมาลัยขณะลอยอยู่ในอากาศหรือขับขี่ด้วยความเร็วสูง พวงมาลัยของเรนเจอร์ แร็พเตอร์ ยังมาพร้อมแป้น Paddle S hift ขนาดใหญ่ที่ผลิตจากแม็กนีเซียมน้ำหนักเบา ทำให้ผู้ขับขี่สามารถเปลี่ยนเกียร์ได้อย่างแม่นยำและฉับไว ตามความต้องการ
ถือเป็นเรื่องที่น่าสนใจอย่างยิ่ง สำหรับการออกแบบ ฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ รถในระดับไฮเปอร์ฟอร์มานซ์ ที่ทางค่ายรถยนต์ฟอร์ดให้ความสำคัญ ซึ่งรายละเอียดของตัวรถที่ได้มีการออกแบบมาใหม่นั้นถือว่าแตกต่างจากรถกระบะที่มีจำหน่ายอยู่ในท้องตลาดทั่วไป จากนี้เราคงต้องะรอชมตัวจริงกันว่า ความสามารถ และความพิเศษต่างๆ ที่ได้ใส่เข้ามานั้นจะมีผลทำให้ ฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ มีคุณสมบัติที่โดดเด่นเพิ่มขึ้นมามากเท่าใด