ลองขับ SUBARU FORESTER ทดสอบระบบ AWD และฟังก์ชั่น X-MODE
การเดินทางที่ไม่มีวันสิ้นสุด การพัฒนารถยนต์รุ่นใหม่ๆ ก็ไม่มีวันหยุดนิ่งอยู่กับที่เช่นเดียวกัน ทั้งนี้เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ที่มีความหลากหลาย แต่แม้จะแตกต่างแต่ก็มีความมุ่งหวังไปในทิศทางเดียวกันคือ ต้องมีความสะดวกสบาย ให้การขับขี่ที่สนุกสนาน ประหยัดน้ำมัน และที่สำคัญเน้นในเรื่องความปลอดภัย ของผู้โดยสารทุกคน และครั้งนี้เรามีโอกาสได้ ลองขับ SUBARU FORESTER รุ่นใหม่ล่าสุดที่เผยโฉมออกมาให้ได้เห็นไม่นานนัก ซึ่งสิ่งที่น่าสนใจก็คือเป็นรุ่นประเดิมของโรงงานประกอบรถยนต์ ซูบารุในประเทศไทยด้วย
การลองขับ SUBARU FORESTER แม้จะมีระยะทางไม่ไกล แต่การเดินทางในครั้งนี้ก็ถือว่า ครบทุกรูปแบบของคนใช้รถต้องการรู้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการใช้งานในเมือง การเดินทางไกล ใช้ความเร็วสูงบนไฮเวย์ และการผจญโค้ง ในเส้นทางที่แคบชัน ร่วมด้วยฝนตกถนนลื่นก็เป็นบทพิสูจน์ หรือช่วงทดสอบพิเศษที่ให้เราได้สัมผัสกันได้แบบไม่ได้วางแผนล่วงหน้า ซึ่งนั่นไม่ใช่อุปสรรค์สำหรับรถประเภท ออลวีลไดรฟ์เลยแม้แต่น้อย
FORESTER ใหม่รูปโฉมดุดัน แต่ก็ดูทันสมัย
เรื่องของหน้าตาเป็นประเด็นที่เชื่อว่าหลายคนมีสิทธิ์มองในมุมที่แตกต่างกันได้ ขึ้นอยู่กับว่าการออกแบบที่เห็นด้วยสายตาเรานั้นจะตรงกับในมากน้อยขนาดไหน แต่ตามสไตล์ของรถประเภท SUV ที่ได้ชื่อว่าเป็น “สิงห์ป่าคอนกรีต” นี้จำเป๋นจะต้องออกแบบมาให้ดูหล่อโฉบเฉี่ยว แฝงไว้ด้วยความดุดันอยู่แล้ว ในขณะที่ฟังชั่นของการออกแบบมาเพื่อให้ใช้งานได้สะดวกก็ยังคงไว้ครบถ้วย
โดยมีเส้นและแนวกันชนหน้าใหม่ ลายกระจังหน้า กรอบไฟตัดหมอก ในท็อปกับรองท็อปจะเป็น LED แค่นี้ก็เพิ่มเสน่ห์ให้กับรถได้ใม่น้อย สำหรับรายละเอียดไฟหน้าทุกรุ่นเป็น LED พร้อมระบบปรับสูง-ต่ำ อัตโนมัติ แต่สองร่านตัวบนจะมีไฟเดย์ไลท์แบบ LED มาให้ และถ้าเรามามองในเรื่องของมิติตัวรถจะกว้าง 1,815 มม. ยาว 4,625 มม. สูง 1,730 มม. กว้างกว่ารุ่นเดิม 20 มม. ยาวขึ้น 15 มม. และความสูงลดลง 5 มม. ระยะฐานล้อ 2,670 มม. กว้างจากรุ่นเดิม 30 มม. น้ำหนัก 1,538 กก. ( 1,580 กก. ในรุ่น 2.0 i-L EyeSight และ 2.0 i-L) ระยะห่างจากพื้นถึงพื้นใต้ท้อง 220 มม.
ครื่องยนต์ ปรับใหม่ให้ความสำคัญในเรื่อง “ประหยัด”
ผมเชื่อว่าใครที่รู้จักรถยนต์จากค่ายนี้มานานจะติดภาพลักษณ์ของซูบารุว่าเป็นรถแรง เครื่องยนต์ดุดัน โดยเฉพาะเครื่องสูบนอนตระกูลบ็อกเซอร์นั้นสร้างชื่อเสียงให้กับซูบารุในสนามแข่งแรลลี่ระดับโลกมาแล้วหลายรายการซึ่ง Forester ที่ทำตลาดทั้งในภูมิภาคใกล้เคียงรวมทั้งบ้านเราเองก็จะเป็นเครื่องยนต์บล็อกเดียวกันก็คือ ขุมพลัง Boxer 4 สูบนอนยัน รหัส FB20 ขนาด 2.0 ลิตร DOHC 16 วาล์ว จ่ายเชื่อด้วยระบบไดเร็คอินเจ็คชั่น ให้กำลังสูงสุด 156 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิด 196 นิวตัน-เมตร ที่ 4,000 รอบ/นาที แม้ม้าจะมากกว่ารุ่นเดิมเล็กน้อย แต่ถ้าหยิบมาเทียบกับรถในเซ้กเม้นต์เดียวกันสำหรับตลาด SUV บ้านเรา
แรงม้าและกำลังของเครื่องยนต์อาจไม่เทียบเท่ากับรถยนต์คู่แข่งหลายรุ่น ซึ่งหลักในการออกแบบของซูบารุ หันกลับมาให้ความสนใจในเรื่องของความประหยัดมากกว่าเรื่องของความแรง โดยมาพร้อมระบบเกียร์ Lineartronic CVT 7 จังหวะ ที่มีการปรับปรุงใหม่ การทำงานที่ต่อเนื่อง นุ่มนวล แต่ก็ไม่ได้ทิ้งเรื่องของอารมณ์ในการขับที่สนุกสนานเช่นเดิม
เห็นได้จากการใส่เกียร์แพดเดิ้ลชิฟ ด้านหลังพวงมาลัย สามารถใช้งานได้โดยไม่ต้องปรับมาเป็นแมน่วลโหมดที่คันกียร์ แต่ก็เป็นการเล่นเกียร์แบบชั่วคราว ระบบจะตัดการทำงานมาเป็นอัตโนมัติหลังจากที่เราไม่ได้เล่นเกียร์ต่อเนื่อง แต่ถ้าปรับมาใช้โหมดสปอร์ตที่คันเกียร์ ก็จะควบคุมได้เต็มระบบกว่า นั่นหมายถึงการชิฟเกียร์ขึ้นต้องลงมือทำเอง แต่ตอนชิพดาวน์ เกียร์จะลงให้เองเมื่อเราเหยีบเบรกจนความเร็วตก
ส่วนเรื่องของความประหยัดก็เป็ฌนสิ่งที่ซูบารุให้ความสำคัญมากยิ่งขึ้น แม้เครื่องยนต์จะยังคงมีรอบที่จัดจ้าน แต่เมื่อเราใช้ความเร็วเดินทางขับกันในแบบปรกติความเร็ว 100 กม./ชม รอบเครื่องย