อีซูซุ คาราวานสัญจร 2018 พาท่องเว้-ดานัง ชม “บาน่า ฮิลล์” ที่ท่องเที่ยวสุดอินเทรนด์ของเวียดนาม เติมเต็ม “ความสุข สนุกสุด…ฉุดไม่อยู่” คาราวานท่องเที่ยวเส้นทางที่ 3 : ไทย (มุกดาหาร) – เวียดนาม (บาน่า ฮิลล์) นำสมาชิกประชาคมอีซูซุ 29 คันจากทั่วประเทศ และคณะสื่อมวลชนรวมกว่า 100 ชีวิต เดินทางสัมผัสประสบการณ์ในแบบคาราวานท่องเที่ยวทางรถยนต์สู่เวียดนามตอนกลางอีซูซุ คาราวานสัญจร 2018 พาท่องเว้-ดานัง เว้-ดานัง ระยะทางไป-กลับกว่า 1,000 กม. ชมวิถีชีวิตและโบราณสถานเก่าแก่ที่ห้ามพลาดของเมืองเว้ ก่อนไปตะลุยเมืองตากอากาศแสนสวย “บาน่า ฮิลล์” เดินชม “สะพานสีทองบนมือยักษ์” แลนด์มาร์กแห่งใหม่ล่าสุดในเมืองดานัง
อีซูซุ คาราวานสัญจร 2018 พาท่องเว้-ดานัง เริ่มต้นการเดินทาง สมาชิกคาราวานได้มารวมตัว ณ บริษัท ตังปักอำนาจเจริญ จำกัด (สาขามุกดาหาร) โดยมี คุณปานทอง สระคูพันธ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร คุณสุริยัน โสรินทร์ รองผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานนครพนม มร.อาร์ ซากาโนะ ผู้จัดการอาวุโส ในฝ่ายขายดีลเลอร์บี บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด พร้อมด้วยอาจารย์พัฒนเดช อาสาสรรพกิจ ผู้อำนวยการจัดคาราวาน ร่วมให้การต้อนรับและตีธงปล่อยขบวนรถอีซูซุ คาราวานสัญจรทั้ง 29 คันา เดินทางข้ามสะพานมิตรภาพไทย-ลาวแห่งที่ 2 ซึ่งเชื่อมระหว่างจังหวัดมุกดาหารของประเทศไทยกับแขวงสะหวันนะเขตของ สปป.ลาว วิ่งไปบนถนนหมายเลข 9 ซึ่งอยู่ภายใต้โครงการพัฒนาเศรษฐกิจตามแนวตะวันออกและตะวันตก (East-West Economic Corridor) เป็นถนนสายเศรษฐกิจในภูมิภาคอินโดจีนระหว่างประเทศไทย ประเทศลาว และประเทศเวียดนาม (เมืองดานัง) ก่อนข้ามด่านแดนสวรรค์-ลาวบาวเพื่อเข้าสู่ที่พักคืนแรกในเมืองเว้ ประเทศเวียดนาม ในช่วงบ่าย พอมีเวลาได้เดินชมเมืองเว้ก่อนร่วมงานเลี้ยงแสนอบอุ่นในสไตล์อีซูซุในมื้อค่ำ
อีซูซุ คาราวานสัญจร 2018 พาท่องเว้-ดานัง
เช้าวันที่สอง สมาชิกคาราวานอีซูซุได้ท่องเที่ยวใน “เมืองเว้” เมืองมรดกโลกที่ยังมีร่องรอยของประวัติศาสตร์ และความเก่าแก่แบบคลาสสิก โดยไม่พลาด “พระราชวังต้องห้าม” (Imperial Enclosure) ซึ่งได้ตกทอดความยิ่งใหญ่และสวยงามของราชวงศ์เหวียน พระราชวังแห่งนี้สร้างขึ้นตามแบบแผนความเชื่อของจีน ซึ่งในสมัยก่อนพื้นที่นี้ถูกสงวนไว้เฉพาะจักรพรรดิและเชื้อพระวงศ์ ด้วยเป็นสถานที่ประทับของกษัตริย์ราชวงศ์เหวียนแห่งเว้ทั้ง 13 พระองค์ ระหว่างปี พ.ศ. 2345-2488 โดย “จักรพรรดิยาลอง” เป็นปฐมกษัตริย์แห่งเมืองเว้ เป็นผู้สถาปนานครแห่งนี้ขึ้น ส่วนกษัตริย์องค์สุดท้ายคือ “พระเจ้าบ๋าวได๋” ซึ่งทรงสละราชบัลลังก์ ก่อนจะมีการเปลี่ยนแปลงการปกครองเป็นเวียดนามในปัจจุบัน ต่อด้วย “วัดเทียนหมุ” (Thien Mu) ที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำหอม เป็นหนึ่งในความคลาสสิก ทั้งจากศิลปะอันวิจิตรตรงประตูทางเข้า รวมถึงความสูงหลายสิบเมตรของเจดีย์ทรง 8 เหลี่ยม 7 ชั้น สูง 21 เมตร นับเป็นศูนย์กลางแห่งศรัทธาทางพุทธศาสนานิกายเซน ที่ถูกสร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ.1601 หรือ 417 ปีมาแล้ว ปิดท้ายเมืองเว้ที่ “สุสานจักรพรรดิไคดิงห์” (Tomb of Khai Dinh) ที่ได้ชื่อว่ามีความยิ่งใหญ่สวยงามเหนือบรรดาสุสานจักรพรรดิทั้งหมด และเป็นเพียงสุสานเดียวที่มีการผสมผสานระหว่างสถาปัตยกรรมตะวันออก-ตะวันตกได้อย่างลงตัว ตั้งอยู่บนเนินเขาสูง มีบันไดทางขึ้นถึง 127 ขั้น เป็นบันไดมังกรพาขึ้นไปสู่ลานชั้นหนึ่ง ส่วนลานชั้นสองเรียงรายด้วยรูปปั้นหินของช้าง ม้า ข้าราชการทหารและพลเรือน กลางลานมีแผ่นจารึกเขียนด้วยอักษรจีน ด้านบนสุดเป็นที่ตั้งของสุสาน มีรูปปั้นสำริดเท่าองค์จริงของพระเจ้าไคดิ่งเป็นศูนย์กลาง ภายในสุสานชั้นในมีการตกแต่งผนังด้วยกระเบื้องเคลือบสีซึ่งรับอิทธิพลมาจากจีน หลายจุดทำเป็นรูปมังกร หนึ่งในชิ้นงานโดดเด่น คือ งานเขียนสีรูปมังกรในม่านเมฆขนาดใหญ่บนเพดานห้องโถงที่ศิลปินใช้เท้าในการเขียนภาพ