งาน CES 2019 รวมเทคโนโลยีใหม่ นวัตกรรมอนาคตจาก HONDA (EP2)
โรโบติกส์ เพื่อยกระดับ และเพิ่มศักยภาพในการใช้ชีวิต
เทคโนโลยีใหม่ นวัตกรรมอนาคตจาก HONDA เดินหน้าพัฒนาเทคโนโลยีด้านโรโบติกส์ในหลากหลายรูปแบบ เพื่อให้สอดคล้องกับวิสัยทัศน์แห่งโลกอนาคตที่อุปกรณ์หุ่นยนต์จะเข้ามาทำหน้าที่ช่วยเหลือและเสริมศักยภาพการใช้ชีวิตของมนุษย์ Honda P.A.T.H. (Predicting Action of the Human) Bot คือ หุ่นยนต์ที่สามารถเคลื่อนที่ได้ด้วยตัวเองในสถานที่สาธารณะโดยไม่รบกวนผู้คนรอบข้าง สร้างขึ้นจากเทคโนโลยี AI มาพร้อมกล้องและเซ็นเซอร์ติดตั้งในตัว ใช้ในการระบุตำแหน่งของตัวเองและจดจำสภาพแวดล้อมรอบข้าง ทำให้สามารถเคลื่อนที่ไปยังที่หมายต่างๆ ได้ โดยไม่ชนสิ่งกีดขวางและสามารถเลือกเส้นทางที่ดีที่สุดได้ด้วยตัวเอง ซึ่งตอนนี้ ฮอนด้ากำลังมองหาพันธมิตรที่จะมาร่วมทดสอบการใช้งาน P.A.T.H. Bot ร่วมกัน
เพื่อให้การพัฒนาโรโบติกส์เป็นไปได้ง่ายขึ้น ฮอนด้าได้เปิดตัว Honda RaaS (Robotics as a Service) Platform ซึ่งเป็นแนวคิดแพลตฟอร์มซอฟต์แวร์สำหรับฟังก์ชั่นการทำงานทั่วไป เช่น การเก็บและแชร์ข้อมูล การควบคุมการสื่อสาร การเปลี่ยนแปลงสถานะ และการร่วมมือกันระหว่างหุ่นยนต์ ผ่านอินเทอร์เฟซหรือแพ็คเกจ API*2 และ SDK*3 โดยฮอนด้ามีเป้าหมายที่จะผลักดันให้เกิดการบูรณาการของบริการโรโบติกส์ ผ่านการทำงานร่วมกันระหว่างอุปกรณ์หุ่นยนต์ ระบบ และแอปพลิเคชันต่างๆ ซึ่งพัฒนาโดยฮอนด้าและพันธมิตร
โดยฮอนด้ากำลังมองหาความร่วมมือจากผู้พัฒนาอุปกรณ์หุ่นยนต์และผู้ให้บริการโซลูชั่นด้านโรโบติกส์เพื่อให้เทคโนโลยีนี้เกิดขึ้นได้จริง
เทคโนโลยีใหม่ นวัตกรรมอนาคตจาก HONDA ยังเผยโฉม Honda Omni Traction Drive System ซึ่งเป็นเทคโนโลยีควบคุมการทรงตัว ที่มาพร้อมระบบล้อขับเคลื่อนรอบทิศทาง ซึ่งพัฒนามาจากการค้นคว้าและวิจัยด้านโรโบติกส์ของฮอนด้า ซึ่งอยู่ในหุ่นยนต์คล้ายมนุษย์ของฮอนด้า อาซิโม (ASIMO) ซึ่งช่วยให้ ยูนิ-คับ (UNI-CUB) พาหนะส่วนบุคคลสามารถเคลื่อนที่ได้รอบทิศทางอย่างเป็นธรรมชาติ
เทคโนโลยีและนวัตกรรมด้านโรโบติกส์ สามารถนำไปใช้ได้กับผลิตภัณฑ์และอุปกรณ์เคลื่อนที่ได้มากมาย ฮอนด้าจึงได้ร่วมมือกับพันธมิตรเพื่อสร้างคุณค่าใหม่ๆ ในด้านเทคโนโลยีเพื่อการเคลื่อนที่ (Mobility) และการขนส่ง โดยประเดิมความร่วมมือครั้งแรกกับ นีเด็ค-ชิมโป คอร์ปอเรชั่น (Nidec-Shimpo Corporation) บริษัทที่มีความเชี่ยวชาญด้านเครื่องจักร อุปกรณ์ ส่วนประกอบยานยนต์ และยานพาหนะต่าง ๆ ของประเทศญี่ปุ่น โดยนำ Honda Omni Traction Drive System ไปใช้ใน S-CART ซึ่งเป็นพาหนะขับเคลื่อนอัตโนมัติ ที่ใช้เพื่อการทำงานในโรงงานหรือโกดัง
Wireless Vehicle-to-Grid ลดการปล่อยคาร์บอน
เทคโนโลยีใหม่ นวัตกรรมอนาคตจาก HONDA เตรียมเผยโฉม Wireless Vehicle-to-Grid (V2G) ระบบบริหารจัดการพลังงานแบบสองทางที่สามารถลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และสร้างคุณค่าใหม่ๆ ให้กับลูกค้า ด้วยกระแสความนิยมของรถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่กำลังเติบโต ทำให้กริดไฟฟ้าหรือเครือข่ายที่เชื่อมต่อสำหรับการจ่ายไฟฟ้าจากผู้ผลิตต่างๆ ไปยังผู้บริโภคที่มีอยู่ในปัจจุบันไม่เพียงพอต่อความต้องการ ส่งผลให้การใช้แหล่งพลังงานที่ไม่สามารถหมุนเวียนกลับมาใช้ใหม่เพิ่มสูงขึ้น และเกิดการปล่อยคาร์บอนมากขึ้นตามไปด้วย เนื่องจากแบตเตอรี่ในรถยนต์สามารถใช้เป็นแหล่งเก็บพลังงานเพื่อรักษาสมดุลระหว่างการใช้งานและการสำรองพลังงาน เจ้าของรถยนต์พลังงานไฟฟ้าของฮอนด้าสามารถเข้าร่วมโครงการ V2G และได้รับค่าชดเชยจากผู้ประกอบการสาธารณูปโภคที่ได้รับประโยชน์จากการใช้รถยนต์ไฟฟ้าฮอนด้าเพื่อช่วยลดความต้องการไฟฟ้าจากกริดไฟฟ้าได้
ระบบจัดการพลังงานใหม่นี้ต่างจากการชาร์จไฟผ่านสายแบบเดิม โดยการชาร์จและปล่อยกระแสไฟฟ้า ทำได้อย่างง่ายโดยไม่ต้องทำการสัมผัส เพียงแค่นำรถยนต์จอดบนแผ่นชาร์จ ซึ่งมอบประสบการณ์ที่สะดวกสบายยิ่งขึ้นแก่ผู้ขับขี่ ฮอนด้าได้ทำการพัฒนาระบบนี้ร่วมกับ WiTricity ผู้บุกเบิกด้านการส่งพลังงานไฟฟ้าแบบไร้สาย Wireless Vehicle-to-Grid ของฮอนด้า จะช่วยสร้างสมดุลระหว่างความต้องการใช้ไฟฟ้าและการผลิตไฟฟ้าอย่างเป็นระบบ โดยจะทำการจ่ายไฟเข้าสู่รถในช่วงเวลาที่ปริมาณการผลิตไฟฟ้าสูงกว่าการบริโภคไฟฟ้า และปล่อยกระแสไฟฟ้าออกจากรถสู่กริดไฟฟ้าเมื่อปริมาณการบริโภคไฟฟ้ามีสูงกว่าการผลิต ฮอนด้ามีความสนใจที่จะร่วมมือกับบริษัทด้านพลังงานต่างๆ ทั้งบริษัทรายใหญ่ที่เป็นผู้รวบรวมความต้องการใช้ไฟฟ้า และผู้ผลิตไฟฟ้า เพื่อให้ระบบนี้สามารถนำไปใช้งานจริงได้ในสังคม
ฮอนด้า อินโนเวชันส์ เดินหน้าสู่ความร่วมมือใหม่ๆ
ฮอนด้า อินโนเวชันส์ ร่วมมือกับกลุ่มธุรกิจสตาร์ทอัพและพันธมิตรชั้นนำเพื่อสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์และบริการอันล้ำสมัยผ่านสองโครงการนวัตกรรมแบบเปิด Honda Developer Studio และ Honda Xcelerator ในงาน CES 2019 ครั้งนี้ Honda Developer Studio ได้นำรถยนต์ ฮอนด้า พาสสปอร์ต โฉมใหม่ปี 2019 มาใช้ในการสาธิตประสบการณ์การขับขี่แบบ Honda Dream Drive ที่เหนือชั้นกว่าเดิม โดย Honda Developer Studio ได้ร่วมมือกับ DreamWorks Animation สร้างสรรค์ Honda Dream Drive ขึ้น ซึ่งเป็นการจำลองประสบการณ์แบบเสมือนจริง (Virtual Reality – VR) ที่สอดคล้องกับการเคลื่อนที่ของรถยนต์ และได้จัดแสดงในงาน CES 2017 ที่ผ่านมา
โดยหลังจากนั้น มีการต่อยอดแพล็ตฟอร์ม Honda Dream Drive โดยเพิ่มฟีเจอร์และฟังก์ชั่นใหม่ ๆ รวมทั้งการจำลองสถานการณ์ต่าง ๆ สำหรับทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสาร Honda Dream Drive – สำหรับผู้ขับขี่ ได้รับการสร้างสรรค์ขึ้นจากการต่อยอดแนวคิดเทคโนโลยีการชำระเงินในรถยนต์ ซึ่งเปิดตัวครั้งแรกในงาน CES 2017 เป็นระบบที่ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถจองร้านอาหาร จ่ายค่าสินค้าและบริการ ทั้งค่าน้ำมัน บัตรชมภาพยนตร์ และค่าที่จอดรถ และแชร์ตำแหน่งที่อยู่ของผู้ขับ โดยทั้งหมดนี้สามารถทำได้อย่างง่ายดาย ผ่านระบบกระเป๋าเงินอัจฉริยะที่ติดตั้งอยู่ในรถฮอนด้า
Honda Dream Drive – สำหรับผู้โดยสาร ประกอบด้วย เกมแบบมิกซ์เรียลลิตี้ ภาพยนตร์ และแอปพลิเคชันด้านการเดินทาง รวมทั้งการควบคุมวิทยุและอุปกรณ์ต่างๆ ภายในห้องโดยสาร ผ่านทางโทรศัพท์มือถือ ในอนาคต แพลตฟอร์ม Honda Dream Drive ยังได้เตรียมเปิดตัวแนวคิดระบบสะสมคะแนนสำหรับลูกค้า โดยฮอนด้าพัฒนาประสบการณ์ Honda Dream Drive ด้วยความร่วมมือกับผู้นำในอุตสาหกรรมค้าปลีกและ เอนเตอร์เทนเมนต์ ซึ่งรายละเอียดจะเปิดเผยในงาน CES 2019
Honda Xcelerator และ Noveto จะสาธิตเทคโนโลยีระบบเสียงสามมิติซึ่งพัฒนาต่อยอดจากเทคโนโลยี Noveto Smart Audio ของ Noveto โดยสามารถส่งสัญญาณเสียงไปยังหูแต่ละข้างของผู้ฟัง พร้อมกระตุ้นให้เกิดความรู้สึกที่สัมผัสได้สู่ผู้ขับขี่ โดยที่ไม่ต้องละสายตาจากท้องถนน เทคโนโลยีนี้จะช่วยให้ผู้ขับรถเกิดความตระหนักรู้เกี่ยวกับสภาพแวดล้อมรอบข้าง โดยเตือนว่ามีสิ่งกีดขวางที่ไม่สามารถมองเห็นได้อย่างขัดเจน จากการจับสัญญาณผ่านเซ็นเซอร์ในรถยนต์ รวมทั้งช่วยให้ระบบนำทางในรถยนต์ทำงานได้แม่นยำยิ่งขึ้น
สำหรับผลงานที่ Honda Xcelerator พัฒนาร่วมกับ Perceptive Automata จะช่วยทำให้การใช้รถใช้ถนนปลอดภัยและคล่องตัวมากยิ่งขึ้น สำหรับทั้งผู้ขับขี่และพาหนะที่ขับเคลื่อนอัตโนมัติ (Autonomous Vehicle) Perceptive Automata จะทำให้พาหนะที่ขับเคลื่อนอัตโนมัติ มีสัญชาตญาณเหมือนมนุษย์ ในการเข้าใจสภาวะทางจิตใจของผู้เดินถนน ผู้ขับขี่จักรยาน และผู้ขับขี่รถยนต์ ผ่านการวิเคราะห์ข้อมูลแบบเรียลไทม์จากเซ็นเซอร์ที่ติดตั้งในรถยนต์ โดยเทคโนโลยีนี้ จะช่วยให้การใช้งานระบบขับขี่อัตโนมัติมีความปลอดภัยยิ่งขึ้น