มร.มิจิโนบุ ซึงาตะ เจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด พร้อมด้วย มร.ยูกิฮิโระ คิโตะ ผู้ช่วยหัวหน้าทีมวิศวกร เลกซัส ES เลกซัส อินเตอร์เนชั่นแนล บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น และ นายวุฒิกร สุริยะฉันทนานนท์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ร่วมแถลงข่าวเปิดตัว เลกซัส ES ใหม่ “Of Peace and Power” ยนตรกรรมที่ผสานสุนทรียภาพในการขับขี่และสมรรถนะอันสมบูรณ์แบบ เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 2561 ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เอ็มบาสซี กรุงเทพฯ
เลกซัส ES (Executive Sedan) คือ ยนตรกรรมซีดานหรูขนาดกลาง ซึ่งเลกซัส ES รุ่นแรกถือกำเนิดขึ้นพร้อมเปิดตัวแบรนด์เลกซัสคู่กับเลกซัส LS เมื่อปีพ.ศ. 2532 ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา นับจากนั้นมา เลกซัส ES ก็ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง จากความโดดเด่นด้านความนุ่มนวลในการขับขี่และความเงียบภายในห้องโดยสาร ซึ่งแตกต่างจากรถยนต์หรูโดยทั่วไป ความนิยมดังกล่าวทำให้เลกซัส ES เป็นรถซีดานที่มียอดขายสูงสุดในประวัติศาสตร์ของเลกซัส
เลกซัส ES ใหม่ เจนเนอเรชั่นที่ 7 คือการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ ด้วยความสมบูรณ์แบบที่เหนือกว่าเดิมในทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบภายนอก ด้วยเส้นสายที่ดูสปอร์ตเร้าใจ เสริมความเฉียบคมให้เข้ากับความหรูหราอย่างลงตัว สมรรถนะการขับขี่อันสมบูรณ์แบบ จากสถาปัตยกรรมโครงสร้างตัวถังใหม่ GA-K (Global Architecture-K Platform) ที่มีจุดศูนย์ถ่วงต่ำ ทรงตัวเยี่ยมและควบคุมได้ดั่งใจ ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ระบบไฮบริดเจนเนอเรชั่นล่าสุด ทั้งยังมั่นใจตลอดการเดินทางด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยเหนือระดับ Lexus Safety System Plus เจนเนอเรชั่นที่ 2 แต่คงไว้ซึ่งความประณีตพิถีพิถันในทุกรายละเอียด ควบคู่กับความนุ่มนวลในการขับขี่และความเงียบภายในห้องโดยสาร อันเป็นเอกลักษณ์ของเลกซัส ES
มร.มิจิโนบุ ซึงาตะ เจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า “เลกซัส ES ใหม่ ถือเป็นยนตรกรรมในลำดับที่สาม ต่อจากรุ่น LC และ LS ที่จะนำพาเลกซัสสู่อนาคตใหม่ ด้วยการเพิ่มคุณค่าทางอารมณ์ในการออกแบบ ทำให้แบรนด์เลกซัสมีความแตกต่างมากกว่าเดิม
เลกซัส ES คันแรก ที่ถือกำเนิดขึ้น คือเลกซัส ES250 ขึ้นชื่อเรื่องความเป็นเลิศด้านความสะดวกสบายและความนุ่มนวลในการขับขี่ ตลอดจนห้องโดยสารที่กว้างขวางและเงียบสงัด มาพร้อมกับรูปลักษณ์ภายนอกที่บ่งบอกถึงความหรูหราอย่างแท้จริง ถือเป็นยนตรกรรมซีดานหรูขนาดกลางที่ได้รับความนิยมอย่างสูง มียอดขายสะสมทั่วโลกมากถึง 2.18 ล้านคัน
สำหรับประเทศไทย ได้เริ่มทำการแนะนำเลกซัส ES เป็นครั้งแรกเมื่อปีพ.ศ. 2537 ซึ่งได้รับความนิยมอย่างกว้างขวาง ด้วยการเป็นรถซีดานหรู โดดเด่นด้านความสะดวกสบายเหนือระดับและความประณีตพิถีพิถันในทุกรายละเอียด ตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา ได้มีกลุ่มผู้ชื่นชอบและมอบความไว้วางใจให้กับยานยนต์ที่มาพร้อมความหรูหราสง่างาม ทั้งรถรุ่นนี้ยังเป็นที่รักในกลุ่มผู้บริหารชาวไทย โดยเลกซัส ES ใหม่ ถือเป็น อีกหนึ่งสุดยอดยนตรกรรมที่หลายท่านรอคอย”
มร.ยูกิฮิโระ คิโตะ ผู้ช่วยหัวหน้าทีมวิศวกร เลกซัส ES เลกซัส อินเตอร์เนชั่นแนล กล่าวว่า “เลกซัส ES ได้รับการแนะนำเป็นครั้งแรกของโลก พร้อมรถรุ่นเรือธงอย่างเลกซัส LS และการแนะนำเลกซัส ES เจนเนอเรชั่นที่ 7 แสดงถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งสําคัญ นั่นคือการออกแบบยนตรกรรมที่เหนือความคาดหมายไปจากเดิม ด้วยการเพิ่มคุณค่าด้านอารมณ์ความรู้สึก บนพื้นฐานของพลวัตในการขับขี่ที่ยอดเยี่ยม โดยรวมนวัตกรรมยานยนต์ของเลกซัสที่สำคัญ ทั้งด้านการออกแบบ สมรรถนะการขับขี่ และเทคโนโลยีล่าสุดที่ก้าวล้ำเข้าด้วยกัน ภายใต้หลักการพัฒนา 3 จุดหลัก ได้แก่
• “การออกแบบที่กล้าจะแตกต่าง” (Brave Design) : โดดเด่นด้วยการออกแบบภายนอกที่กล้าฉีกแนวทางอนุรักษ์นิยมแบบเดิม สู่แนวคิดใหม่ “ความสง่างามที่น่าหลงใหล” (Provocative Elegance) ด้วยเส้นสายที่ดึงดูดสายตา สปอร์ตโฉบเฉี่ยว พร้อมสะท้อนพลวัตในการขับขี่ ที่ดีกว่าเดิม
• “สมรรถนะอันเร้าใจ” (Exhilarating Performance) : ด้วยสถาปัตยกรรมโครงสร้างตัวถังใหม่ GA-K (Global Architecture-K Platform) และระบบช่วงล่างด้านหลังใหม่แบบดับเบิ้ลวิชโบน ช่วยให้เกาะถนนและทรงตัวเป็นเยี่ยม แต่ยังคงไว้ซึ่งความนุ่มนวลในการขับขี่ตามแบบฉบับดั้งเดิมของเลกซัส ES พร้อมด้วยเครื่องยนต์ไฮบริด เจนเนอเรชั่นที่ 4 ประหยัดน้ำมัน เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และตอบสนองทุกจังหวะการเร่งได้อย่างทันใจ
• “เทคโนโลยีแห่งอนาคต” (Imaginative Technology) : ครบครันและล้ำหน้าด้วยเทคโนโลยีระดับสูง มอบความมั่นใจสูงสุดด้วยระบบมาตรฐานความปลอดภัยระดับโลก Lexus Safety System Plus เจนเนอเรชั่นที่ 2
นายวุฒิกร สุริยะฉันทนานนท์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า“เลกซัส ES ใหม่ แสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ สะท้อนความมุ่งมั่น เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ดีขึ้นอย่างชัดเจน และถือเป็นโอกาสสำคัญของเลกซัสในการสร้างลูกค้ากลุ่มใหม่ ซึ่งให้คุณค่ากับการออกแบบ และหลงใหลในสมรรถนะการขับขี่ที่สมบูรณ์แบบ โดยกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของเลกซัส ES ใหม่คือ ผู้บริหารรุ่นใหม่ที่มองหาความแตกต่างและประสบการณ์การดูแลลูกค้าสุดเอกซ์คลูซีฟตาม แบบฉบับเลกซัส จากความโดดเด่นของ ES ใหม่ จึงเป็นที่มาของการสื่อสารทางการตลาดภายใต้แนวคิด “Of Peace and Power” สะท้อนถึงการผสานรวมความต่าง ระหว่างความนุ่มนวลและความเงียบภายใน ห้องโดยสารอันเป็นเอกลักษณ์ของ ES กับสมรรถนะการขับขี่ใหม่ที่เร้าใจกว่าเดิม เลกซัส ES ใหม่ มาพร้อม 2 สีใหม่ คือ สี Ice Ecru และสี Sunlight Green ในโอกาสนี้ เราขอมอบข้อเสนอสุดพิเศษด้วยการขยายระยะเวลารับประกันแบตเตอรี่ไฮบริดสำหรับรถยนต์เลกซัสทุกรุ่น จากผู้แทนจำหน่ายเลกซัสอย่างเป็นทางการโดยเพิ่มจากปัจจุบัน 5 ปีไม่จำกัดระยะทาง เป็น 10 ปีไม่จำกัดระยะทาง สำหรับลูกค้าที่ซื้อรถยนต์ใหม่นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป”
นายวุฒิกร สุริยะฉันทนานนท์ กล่าวเพิ่มเติมว่า “ สำหรับกลยุทธ์การตลาด จะเริ่มจากสร้าง การรับรู้ของการเปิดตัวรถเลกซัส ES ใหม่สู่สาธารณชน ในระหว่างวันที่ 17-19 สิงหาคม ณ ห้างเซ็นทรัล เอ็มบาสซี่ รวมถึงกิจกรรมโรดโชว์ร่วมกับห้างสรรพสินค้าชั้นนำต่างๆ โดยเริ่มตั้งแต่เดือนกันยายนนี้เป็นต้นไป นอกจากนั้น ยังมีกิจกรรมทดลองขับเต็มรูปแบบ เพื่อสร้างความมั่นใจต่อสมรรถนะการขับขี่ ในวันที่ 22 กันยายนนี้ที่ Toyota Driving Experience Park ด้านการสื่อสาร เราให้ความสำคัญกับ Online Marketing และ Database Management เพื่อความแม่นยำและประสิทธิผลสูงสุดในการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ตามไลฟ์สไตล์และความชื่นชอบที่แตกต่างกัน ทั้งนี้เลกซัสมุ่งมั่นสู่การเป็นแบรนด์ไลฟ์สไตล์หรู ผ่านกิจกรรมทางการตลาดหลากหลายรูปแบบ อาทิ กิจกรรม Lexus Test Drive The World ที่ประเทศญี่ปุ่น “The L Galleria by Lexus” พื้นที่ Luxury Lifestyle Showcase แห่งแรกในประเทศไทย ซึ่งสื่อสารตัวตนของเลกซัสในบริบทที่ทุกคนเข้าถึงและเชื่อมต่อกับไลฟ์สไตล์ของกลุ่มลูกค้าเป้าหมายอย่างกลมกลืน และในอนาคตเรายังมีแผนงานร่วมกับแบรนด์ผู้ผลิตกล้องพรีเมี่ยมระดับโลกอย่าง LEICA ประเทศไทย อีกด้วย”
เลือกเป็นเจ้าของความหรูหรา สมบูรณ์แบบของ เลกซัส ES ใหม่
สีภายนอก 10 สี พร้อม 2 สีใหม่ คือ Ice Ecru MM และ Sunlight Green MM