ทดสอบบีเอ็มดับเบิลยู ซีรี่ส์ 3 และX5

ทดสอบบีเอ็มดับเบิลยู ซีรี่ส์ 3 และX5 เปิดประสบการณ์ยนตรกรรมระดับพรีเมียมเพียบพร้อมด้วยเทคโนโลยีแห่งอนาคต

การเดินทางของอนาคตทีไม่มีคำว่า “หยุดนิ่ง” โดยเฉพาะอยางยิ่ง เทคโนโลยีสำหรับรถยนต์รุ่นใหม่ๆ ที่ได้พัฒนาเพิ่มความน่าใช้ประสิทธิภาพในการขับเคลื่อน และเทคโนโลยีความปลอดภัยใหม่ๆ มาให้เราได้เห็นอย่างต่อเนื่อง และสำหรับรถยนต์จากค่าย BMW เองก็ถือว่าเป็นหนึ่งในผู้นำด้านเทคโนโลยียานยนต์ ล่าสุดได้ เราก็มีโอกาสได้ ทดสอบบีเอ็มดับเบิลยู ซีรี่ส์ 3 และX5 ซึ่งเป็นรุ่นที่มีความน่าสนใจทั้งเรื่องของพละกำลัง สมรรถนะในการขับขี่ และเรื่องของเทคโนโลยีแห่งอนาคต

สำหรับการทดสอบขับขี่บีเอ็มดับเบิลยู 320d Sport บีเอ็มดับเบิลยู 330i M Sport และบีเอ็มดับเบิลยู X5 xDrive30d M Sport จะเน้นทั้งทั้งเรื่องสมรรถนะการขับขี่ทั้งบนเส้นออนโรด ออฟโรด พร้อมพาโลดแล่นบนท้องถนนจริง และทดสอบเทคโนโลยีการขับขี่แห่งอนาคตกันอย่างเต็มเปี่ยม ในกิจกรรมทดสอบรถยนต์สุดพิเศษ ณสนามปทุมธานีสปีดเวย์ จังหวัดปทุมธานี

สำหรับการทดสอบบีเอ็มดับเบิลยู ซีรี่ส์ 3 และบีเอ็มดับเบิลยู X5 เราได้ทดสอบสมรรถนะการขับขี่ในด้านต่าง ๆ ใน 3 ด่านทดสอบ

ตั้งแต่การทดสอบความเร็วจากขุมพลังของเครื่องยนต์บนสนามแข่ง การทดสอบความคล่องตัวและความปราดเปรียวในการขับขี่แบบ Gymkhana พร้อมการทดสอบฟังก์ชั่นReversing Assistant ในบีเอ็มดับเบิลยู 330i M Sport ส่วนการทดสอบการขับขี่บนถนนจริง ได้สัมผัสถึงการใช้งานรถยนต์ทั้งสองรุ่นในชีวิตประจำวัน ขณะที่ผู้ทดสอบบีเอ็มดับเบิลยู X5จะได้ลองสมรรถนะของระบบช่วงล่างแบบ Adaptive M และระบบการขับเคลื่อนต่าง ๆ บนเส้นทางแบบออฟโรด ทั้งทางลูกรัง พื้นหญ้า และเนินดิน

บีเอ็มดับเบิลยู ซีรี่ส์ 3 ใหม่

นอกจากดีไซน์สปอร์ตโฉมใหม่สะดุดตาและเทคโนโลยีการขับขี่ที่ล้ำสมัยแล้ว บีเอ็มดับเบิลยู 320d Sport

ยังเหนือกว่าในด้านการประหยัดเชื้อเพลิง ด้วยอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเฉลี่ยที่ 21.7 กิโลเมตรต่อลิตร บีเอ็มดับเบิลยู 320d Sport นอกจากจะถือเป็นหนึ่งในรถที่มีความประหยัดน้ำมันที่สุดในเซกเมนต์แล้ว ยังผ่านการรับรองมาตรฐานยูโร 5

ซึ่งเป็นมาตรฐานมลพิษของกลุ่มประเทศสหภาพยุโรปที่ได้รับการยอมรับในระดับสากลอีกด้วย

บีเอ็มดับเบิลยู 320d Sport ใหม่

หลังจากที่ได้เปิดตัวครั้งแรกไปเมื่อปี พ.. 2518 บีเอ็มดับเบิลยูซีรี่ส์ 3 เจเนอเรชั่นแรก ได้สร้างปรากฎการณ์ในวงการยนตรกรรมด้วยสมรรถนะความปราดเปรียวที่เหนือระดับและรูปลักษณ์สปอร์ต สะดุดตา ตลอด 40 ปีที่ผ่านมา บีเอ็มดับเบิลยู ซีรี่ส์ 3 ได้พิสูจน์ถึงความเป็นที่สุดแห่งยนตรกรรม หรือ “Ultimate Driving Machine” ด้วยเอกลักษณ์ดีไซน์ที่ทันสมัย บีเอ็มดับเบิลยู ซีรี่ส์ 3 ใหม่ มาในดีไซน์ที่โฉบเฉี่ยวสะดุดตา ตอกย้ำความสปอร์ตมากยิ่งขึ้น ด้วยเส้นสายที่แข็งแกร่งและคมชัด

ด้านหน้าของตัวรถมาในรูปลักษณ์ที่ดุดันยิ่งขึ้นด้วยกระจังหน้าทรงไตคู่ขนาดใหญ่ขึ้นในกรอบที่เชื่อมกับไฟหน้าคู่ LED ทรงเรียวยาวดีไซน์ใหม่ล่าสุด รับกับช่องดักอากาศรูปทรง T เพิ่มความโดดเด่นให้แก่ด้านหน้าของรถ ด้านข้างของตัวรถโดดเด่นด้วยกรอบหน้าต่างดีไซน์แบบ Hofmeister Kink อันเป็นเอกลักษณ์ของบีเอ็มดับเบิลยูที่ได้รับการออกแบบให้เป็นหนึ่งเดียวกับเสา C-pillar มอบมิติ ไร้ขอบหรูหรายิ่งขึ้น พร้อมด้วยไฟท้ายดีไซน์ใหม่เรียวยิ่งขึ้นในรูปทรง L แนวนอนสีหม่นแบบสามมิติ และท่อไอเสียแบบคู่ให้ท้ายรถดูกว้างและสปอร์ตกว่าเดิม

การออกแบบโครงสร้างและเทคโนโลยีแชสซีใหม่ล่าสุดในบีเอ็มดับเบิลยู ซีรี่ส์ 3มอบการควบคุมที่เฉียบคมและปราดเปรียวยิ่งขึ้นผสมผสานทั้งความสปอร์ตและความนุ่มสบายไว้ได้อย่างลงตัว จุดศูนย์ถ่วงต่ำ และการกระจายน้ำหนักแบบ 50:50 นอกจากนี้ ตัวรถยังมีน้ำหนักที่เบาลงกว่ารุ่นก่อนหน้าถึง 55 กิโลกรัม จากการใช้วัสดุอลูมิเนียมในชิ้นส่วนและโครงสร้างต่าง ๆ เช่น

กระโปรงและกันชนหน้า ส่วนการออกแบบด้านอากาศพลศาสตร์ในบีเอ็มดับเบิลยู ซีรี่ส์ 3ใหม่ช่วยเสริมสมรรถนะ การขับขี่ด้วยค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศต่ำถึง 0.26 ลดลง 0.03 จากรุ่นก่อนหน้า ทั้งจากระบบ Active Air Flap แผ่นปิดด้านในกระจังหน้าไตคู่เจเนอเรชั่นใหม่ล่าสุด และการจัดระเบียบทิศทางการไหลของอากาศผ่าน Air Curtains ที่ช่วยลดแรงเสียดทานอากาศได้อย่างมีประสิทธิภาพ

มิติของตัวรถ มีความกว้างเพิ่มขึ้น 16 มิลลิเมตร ยาวขึ้น 76 มิลลิเมตร ฐานล้อมีขนาด 2,851 มิลลิเมตรกว้างขึ้นจากรุ่นก่อนหน้า 41 มิลลิเมตรทำให้บริเวณห้องโดยสารด้านหลังมีพื้นที่กว้างขวาสะดวกสบายมากยิ่งขึ้นบีเอ็มดับเบิลยู ซีรี่ส์ 3 ใหม่ ทรงพลังด้วยเครื่องยนต์ที่มาพร้อมเทคโนโลยีขับเคลื่อนล่าสุด มอบพละกำลังสูงสุด 140 กิโลวัตต์ / 190 แรงม้าที่ 4,000 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 400 นิวตันเมตรที่ 1,750 –2,500 รอบต่อนาทีจากเครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบของบีเอ็มดับเบิลยู 320d Sport สามารถเร่งความเร็วจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ภายใน 6.8 วินาที และมีความเร็วสูงสุด 240 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

บีเอ็มดับเบิลยู 330i M Sport มาพร้อมกับเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ส่งกำลังสูงสุด 190 กิโลวัตต์ /258 แรงม้าที่ 5,000 – 6,500 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 400 นิวตันเมตรที่ 1,550 – 4,400รอบต่อนาที เร่งความเร็วจากหยุดนิ่งถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ภายใน 5.8 วินาที และมีความเร็วสูงสุด250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง โดยทั้งสองรุ่นรองรับระบบ Driving Experience Control ที่มีรูปแบบการขับขี่ให้เลือกทั้งในโหมด COMFORT, SPORT และ ECO PRO

บีเอ็มดับเบิลยู 320d Sport ใหม่ มาพร้อมล้ออัลลอย 18 นิ้วลาย V Spoke และชุดแต่ง BMW Individual high-gloss Shadow Line ด้วยขอบหน้าต่าง ขอบช่องดักอากาศและซี่บริเวณกระจังหน้าไตคู่สีดำเงาเช่นเดียวกับภายใน ซึ่งตกแต่งด้วยวัสดุอลูมิเนียมลาย Mesheffect พร้อมพวงมาลัยและที่นั่งด้านหน้าแบบสปอร์ต ส่วนบีเอ็มดับเบิลยู 330i M Sport โดดเด่นด้วยชุดแต่ง M Sport ที่ช่วยเสริมทั้งรูปลักษณ์โฉบเฉี่ยวและสมรรถนะปราดเปรียว ไม่ว่าจะเป็นระบบช่วงล่าง ชุดเบรก และชุดแอโรไดนามิคส์ แบบ M Sport ล้ออัลลอย M ขนาด 18 นิ้วลาย Double Spoke และพวงมาลัยหนังแท้ M

ภายในตกแต่งด้วยวัสดุอลูมิเนียม Tetragon ส่วนห้องโดยสารได้รับการออกแบบโดยคำนึงถึงผู้ขับขี่เป็นหัวใจสำคัญ พร้อมแผงหน้าปัดและจอ Control Display ในดีไซน์ใหม่ สะดวกสบายด้วยพื้นที่ด้านหน้าและด้านหลังที่กว้างขวางยิ่งขึ้น รวมถึงพื้นที่จุสัมภาระถึง 480 ลิตร เบาะนั่งสามารถพับได้แบบ 40:20:40 บรรยากาศหรูหราด้วยไฟambient light และระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบ 3 ตอน

นอกจากระบบ BMW Intelligent Personal Assistant ที่ติดตั้งมาเป็นส่วนหนึ่งของระบบปฏิบัติการ BMW Operating System 7.0 ในบีเอ็มดับเบิลยู 330i M Sport และทำงานประสานเป็นหนึ่งเดียวกับระบบ BMW Live Cockpit Professional แล้ว บีเอ็มดับเบิลยู ซีรี่ส์ 3 ใหม่ ยังมาพร้อมระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่อย่างระบบช่วยนำรถเข้าที่จอด (Parking Assistant) ในบีเอ็มดับเบิลยู 330i M Sport ระบบเซนเซอร์ควบคุมระยะการจอดด้านหน้าและหลัง (Park Distance Control) ในบีเอ็มดับเบิลยู 320d Sport ที่มาพร้อมระบบ BMW Live Cockpit Plus รวมถึงระบบการเชื่อมต่อ BMW ConnectedDrive เพื่อการเชื่อมต่ออย่างไร้ขีดจำกัด และระบบชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สายในบีเอ็มดับเบิลยู

บีเอ็มดับเบิลยู 330i M Sport ใหม่

อีกหนึ่งก้าวสู่อนาคตแห่งรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติของบีเอ็มดับเบิลยู คือ ฟังก์ชั่น Reversing Assistant ในบีเอ็มดับเบิลยู 330i M Sport ซึ่งจะให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ขับขี่ขณะถอยจอดหรือถอยออกจากที่แคบอัตโนมัติได้อย่างมีประสิทธิภาพเหนือกว่าคู่แข่งอื่น ๆ ในเซกเมนต์ โดยฟังก์ชั่น Reversing Assistant นี้เป็นส่วนหนึ่งของระบบช่วยนำรถเข้าที่จอดอัตโนมัติ Parking Assistant ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถถอยออกจากบริเวณที่มีพื้นที่แคบ เช่น อาคารจอดรถ ทางเลี้ยวเข้า หรือทางตันได้อย่างง่ายดายแม้จะมีมุมมองที่จำกัด  

ซึ่งฟังก์ชั่นดังกล่าวจะจดจำองศาการเลี้ยวของพวงมาลัยขณะขับเข้าไปยังพื้นที่แคบได้เป็นระยะทางไกลสูงสุด 50 เมตร ขณะขับขี่ที่ความเร็วไม่เกิน 36 กิโลเมตรต่อชั่วโมง สามารถเริ่มใช้งานโดยกดปุ่ม Reversing Assistant ขณะจอดนิ่งที่เกียร์ P หลังจากนั้น รถยนต์จะถอยหลังอัตโนมัติตามเส้นทางที่ขับเข้าไปล่าสุด ผู้ขับขี่จะมีหน้าที่เพียงแค่แตะเบรกหรือคันเร่ง โดยความเร็วในการถอยอัตโนมัติจะอยู่ที่ความเร็วสูงสุด 9 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

ซึ่งระบบจะสามารถจดจำองศาการเลี้ยวภายในระยะ 50 เมตรสุดท้ายไว้ได้เป็นระยะเวลายาวนาน ทำให้ผู้ขับขี่สามารถแม้กระทั่งถอยออกจากที่จอดรถได้แม้จะจอดทิ้งไว้ข้ามคืนหรือเป็นระยะเวลาหลายวัน

บีเอ็มดับเบิลยู 320d Sport ใหม่ ราคาจำหน่าย: 2,959,000 บาท (พร้อมโปรแกรมบำรุงรักษา BSI Standard)

บีเอ็มดับเบิลยู 330i M Sport ใหม่ ราคาจำหน่าย: 3,359,000 บาท (พร้อมโปรแกรมบำรุงรักษา BSI Standard)

บีเอ็มดับเบิลยู X5 xDrive30d M Sport

ตั้งแต่ปี พ.. 2542 บีเอ็มดับเบิลยูได้สร้างมาตรฐานใหม่ให้แก่รถยนต์ในกลุ่ม SUVด้วยการเปิดตัวบีเอ็มดับเบิลยู X5 รถยนต์คันแรกที่มาในสไตล์ Sports Activity Vehicle อย่างเต็มรูปแบบโดยเมื่อปลายปี 2561 ที่ผ่านมา บีเอ็มดับเบิลยู ประเทศไทยได้เปิดตัวบีเอ็มดับเบิลยู X5 เจเนอเรชั่นที่ 4ที่โดดเด่นด้วยการผสมผสานสมรรถนะและความสะดวกสบายอย่างเหนือระดับเสริมความแข็งแกร่งให้แก่รถยนต์ในตระกูล Sports Activity Vehicleด้วยหนึ่งในรถยนต์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในตระกูล Xบีเอ็มดับเบิลยู X5 ใหม่ ยังคงรูปลักษณ์อันเฉพาะตัวของ Sports Activity Vehicleแต่มาในดีไซน์ใหม่ที่เรียบหรูยิ่งขึ้น ด้วยพื้นผิวตัวถังที่ราบเรียบ ตัดกับเส้นสายที่เฉียบคมและดุดันเพิ่มลุคสง่างามให้แก่บีเอ็มดับเบิลยู X5 รุ่นล่าสุดนี้ และนอกจากนี้ ตัวรถยังมีขนาดใหญ่ขึ้น ยาว 4,922 มิลลิเมตร กว้าง 2,004มิลลิเมตร และสูง 1,745 มิลลิเมตร ให้ความรู้สึกโปร่งสบายแก่ผู้โดยสาร พร้อมปริมาตรในการบรรจุของ650-1,870 ลิตร

มิติรถยนต์ บีเอ็มดับเบิลยู X5 ความยาว 4,922 4,886 +36 ความกว้าง 2,004 1,938 +66ความสูง 1,745 1,726 +19ระยะช่วงล้อหน้าหลัง 2,975 2,933 +42 บีเอ็มดับเบิลยู X5 ใหม่ ปราดเปรียวยิ่งขึ้นด้วยชุดแต่ง M Aerodynamicsเสริมลุคสปอร์ตด้วยขอบหน้าต่างและราวหลังคาสีดำเงา กระจังหน้าทรงไตคู่ที่มีผิวอลูมิเนียมแบบด้าน พร้อมให้ความรู้สึกทรงพลังด้วยชุดเบรกและช่วงล่างแบบ M Sport และล้ออัลลอย M ขนาด 22 นิ้ว ลายDouble-spoke

ระบบส่งกำลังใช้เกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะแบบ Steptronic ทำงานคู่กับเครื่องยนต์ดีเซล 6 สูบ เทคโนโลยี BMW TwinPower Turbo ขับเคลื่อนบีเอ็มดับเบิลยู X5 ใหม่ด้วยกำลังสูงสุด 195 กิโลวัตต์ / 265 แรงม้า ที่4,000 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 620 นิวตันเมตรที่ 2,000-2,500 รอบต่อนาทีส่งพลังให้เร่งความเร็วจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงภายใน 6.5 วินาที และมีความเร็วสูงสุด 230กิโลเมตรต่อชั่วโมง บีเอ็มดับเบิลยู X5 ยังคล่องตัวด้วยระบบขับเคลื่อนสี่ล้อบีเอ็มดับเบิลยู xDriveเจเนอเรชั่นล่าสุด ที่ได้รับการพัฒนากำลังขับเคลื่อนและควบคุมการทรงตัวได้อย่างดีเยี่ยมด้วยการถ่ายแรงขับเคลื่อนอย่างนุ่มนวลระหว่างล้อหลังทั้งสองข้างบนเส้นทางออนโรดและออฟโรด

บีเอ็มดับเบิลยู X5 ใหม่ ยังมาพร้อมช่วงล่างแบบ Adaptive M ระบบควบคุมการยึดเกาะถนน (Dynamic Traction Control) ระบบ Driving Experience Control สำหรับเลือกรูปแบบการขับขี่พร้อมโหมด ECO PRO และระบบควบคุมเสถียรภาพการขับขี่ (Dynamic Stability Control)เพิ่มประสิทธิภาพการขับขี่บนเส้นทางออฟโรดพร้อมมอบความสปอร์ตคล่องตัวและความสะดวกสบายได้ตลอดเส้นทาง

ภายในห้องโดยสารของบีเอ็มดับเบิลยู X5 ใหม่ มอบความรู้สึกหรูหราและมีระดับ ด้วยวัสดุคุณภาพเยี่ยมดีไซน์ที่ลงตัว และระบบการควบคุมที่ล้ำสมัย แผงหน้าปัดดิจิทัลและจอ Control Displayได้รับการออกแบบทั้งกราฟฟิคและดีไซน์มาให้สอดรับกัน พร้อมด้วยเบาะนั่งหนังแท้ Vernascaและพวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นแบบ M Sport ฟีเจอร์อื่น ๆ ที่โดดเด่นของบีเอ็มดับเบิลยู X5 ใหม่ยังมีหลังคากระจกแบบ Panorama ที่มีขนาดใหญ่ขึ้นกว่ารุ่นเก่า 30% นอกจากความสะดวกสบายและความเหนือระดับยิ่งขึ้นแล้ว บีเอ็มดับเบิลยู X5ใหม่ยังสามารถรองรับการใช้งานได้อย่างหลากหลาย เบาะหลังพับได้แบบ 40 : 20 : 40รองรับปริมาตรการบรรจุของตั้งแต่ 650 ลิตรถึง 1,870 ลิตรพร้อมประตูท้ายที่สามารถแยกเปิดสองส่วนเพื่อให้สะดวกต่อการขนย้ายสัมภาระ

ซึ่งสามารถเปิดปิดอัตโนมัติด้วยระบบไฟฟ้า

เทคโนโลยีที่ทันสมัย 

ระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ล้ำสมัย เช่น ระบบ Parking Assistant Plus ที่มาพร้อมกับระบบ Reversing Assistant ช่วยถอยรถในทิศทางเดิมแบบอัตโนมัติช่วยให้ตัวรถสามารถจดจำทิศทางที่ขับตรงไปข้างหน้าในระยะ 50 เมตรสุดท้าย ด้วยความเร็วไม่เกิน 36

กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ และสามารถถอยออกในทิศทางเดิมแบบอัตโนมัติ ทั้งนี้ Parking Assistant Plusมาพร้อมกับกล้องมองรอบทิศทาง Surround View Camera รวมทั้งวิวด้านบน วิวพาโนรามิค และรีโมท3D วิวที่ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถเชื่อมต่อเพื่อดูภาพของรถที่จอดทางโทรศัพท์สมาร์ทโฟนได้ ผ่านระบบBMW ConnectedDrive นอกจากนี้ ยังมาพร้อมระบบ Driving Experience Controlเลือกรูปแบบการขับขี่พร้อม ECO PRO ที่ได้รับการติดตั้งเป็นอุปกรณ์พื้นฐานในบีเอ็มดับเบิลยู X5 ใหม่

อีกหนึ่งความพิเศษของ Sports Activity Vehicleรุ่นนี้ คือระบบ BMW Live Cockpit Professionalที่โดดเด่นด้วยจอแสดงผลขนาด 12.3 นิ้วพร้อมการเชื่อมต่อที่ครบครัน ส่วน BMW Head-Up Display เจเนอเรชั่นล่าสุด ขนาด 7×3.5 นิ้วสามารถแสดงภาพกราฟฟิคสามมิติได้ขณะที่ระบบควบคุมผ่าน iDrive, BMW GestureControl และจอ Control Displayระบบสัมผัสขนาด 10.25 นิ้ว ก็ยังเป็นทางเลือกเพื่อมอบที่สุดแห่งความสะดวกสบายแก่ผู้ขับขี่นอกจากนี้ บีเอ็มดับเบิลยู X5 xDrive30d M Sport ใหม่ ยังมาพร้อม BMW ConnectedDriveมอบบริการการเชื่อมต่อแบบไร้ขีดจำกัดระหว่างยานยนต์และผู้ขับขี่ยกระดับสุนทรียภาพในการขับขี่ ด้วยระบบผู้ช่วยส่วนตัว BMW Intelligent Personal Assistant

ตั้งแต่เดือนมีนาคม 2562 เป็นต้นไปผู้ขับขี่และผู้โดยสารรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูจะพบกับความสะดวกสบายที่เหนือกว่าด้วยระบบ BMW Intelligent Personal Assistant ผู้ช่วยส่วนตัวฉลาดล้ำ ที่พร้อมทำงาน เพียงแค่ทักด้วยประโยค “Hey BMW” (สวัสดี บีเอ็มดับเบิลยู) ซึ่งถือเป็นประสบการณ์ใหม่และอีกหนึ่งก้าวสำคัญในโลกยานยนต์เมื่อผู้ขับขี่สามารถควบคุม และใช้งานฟังก์ชั่นต่างๆ ในรถยนต์ได้อย่างครบวงจรมากขึ้นเพียงแค่สั่งงานด้วยเสียงระบบ BMW Intelligent Personal Assistant ติดตั้งมาเป็นส่วนหนึ่งของระบบปฏิบัติการ BMW OperatingSystem 7.0 และทำงานประสานเป็นหนึ่งเดียวกับระบบ BMW Live CockpitProfessional ความสามารถของระบบผู้ช่วยส่วนตัวนั้นพัฒนาอยู่ตลอดเวลา ยิ่งใช้งานมากผู้ช่วยส่วนตัวก็จะรู้ใจมากขึ้น โดยตัวระบบใช้เทคโนโลยีแพลตฟอร์ม จาก Open Mobility Cloudของบีเอ็มดับเบิลยู ร่วมกับนวัตกรรมอย่างปัญญาประดิษฐ์ (AI) ดังนั้น ฟังก์ชั่นต่างๆ และความสามารถของผู้ช่วยส่วนตัวจึงรองรับการอัพเกรดอย่างต่อเนื่อง

เพื่อเพิ่มเติมคุณสมบัติและรูปแบบการเรียนรู้ใหม่ๆ ได้อีกในอนาคตระบบผู้ช่วยส่วนตัวพร้อมรับคำสั่งจากเสียงพูดในรูปแบบที่เป็นธรรมชาติใกล้เคียงกับบทสนทนาในชีวิตประจำวัน พ่วงด้วยฟังก์ชั่นอันชาญฉลาดอีกมากมายระบบสามารถเรียนรู้และจดจำกิจวัตรประจำวันและความชอบส่วนตัวของผู้ขับขี่ได้ก่อนจะนำมาปรับใช้งานอย่างถูกต้อง แม่นยำ เช่น หากผู้ขับขี่รู้สึกว่าอุณหภูมิในตัวรถหนาวเกินไปก็สามารถพูดออกคำสั่งว่า “Hey BMW, I’m cold” เพื่อให้ระบบปรับการทำงานของระบบปรับอากาศให้เหมาะสม

การเปิดตัวระบบ BMW Intelligent Personal Assistant ในครั้งนี้ ยังเสมือนเป็นการพาผู้เชี่ยวชาญ ที่รู้ลึกรู้จริงเรื่องรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูขึ้นรถคู่ใจไปกับผู้ขับขี่ทุกขณะ เพราะผู้ขับสามารถถามคำถามพื้นฐานตั้งแต่วิธีใช้งานระบบปรับการทำงานไฟสูงอัตโนมัติ ไปจนถึงคำถามที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลในการขับขี่เช่น ระดับน้ำมัน และระยะทางที่สามารถขับต่อไปได้ ระบบ BMW Intelligent PersonalAssistant จึงเป็นระบบผู้ช่วยส่วนตัวที่ครบเครื่องเติมสุนทรียภาพให้กับประสบการณ์อันเหนือระดับในการขับขี่บีเอ็มดับเบิลยูในชีวิตประจำวัน

บีเอ็มดับเบิลยู X5 xDrive30d M Sport ราคาจำหน่าย: 5,699,000 (พร้อมโปรแกรมบำรุงรักษา BSI Standard)