ทดสอบ New MG Extender พิสูจน์ความน่าใช้ของกระบะน้องใหม่
ตลาดรถกระบะ นั้น ถือว่าเป็นกลุ่มที่มีการแข่งขันแข็งแกร่งโดยเฉพาะอย่างยิ่งเจ้าตลาด ค่ายใหญ่ที่ครอง ส่วนแบ่งยอดจำหน่าย ของรถกระบะหลายรุ่น รวมไปถึงรถประเภท PPV ที่ออกแบบต่อยอด เพิ่มอรรถประโยชน์การใช้งาน ในอดีตที่ผ่านมา รถกระบะจากค่ายใหม่ที่เปิดตัวออกมาให้เห็นกันนั้น น้อยค่ายนักที่จะประสบความสำเร็จ ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะ ความนิยมตั้งแต่อดีต แต่ก็คงไม่น้อยไปกว่าเรื่องของคุณภาพและ การใช้งานที่ตอบโจทย์ ของผู้ใช้รวมไปถึง การให้บริการ ที่ประทับใจ แน่นอนว่าสำหรับรถยนต์ค่ายใหม่ สิ่งที่เป็นอุปสรรคมากที่สุดก็คงเป็นเรื่องของ การเข้าไปนั่งอยู่กลางใจของผู้ซื้อ การสร้างความเชื่อมั่น ให้กับลูกค้า ถึงแม้ผลิตภัณฑ์จะมีความโดดเด่นและน่าสนใจ ตลาดรถกระบะก็ยังคงเป็นตลาดที่ ปราบเซียน
ค่ายรถยนต์ MG ถือว่าเข้ามาสร้างชื่อ ให้กับแบรนด์ ได้อย่างโดดเด่นและรวดเร็ว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง รถยนต์ใน segment ที่หลากหลายทั้งเก๋ง และ SUV ซึ่งที่ผ่านมาก็ถือว่าได้รับความนิยม มีการขยายฐานลูกค้า ให้กว้างขึ้นกว่าเดิมและเริ่มได้ใจของผู้ใช้ ทั้งในส่วนของภูมิภาคและ ในเมืองหลวงได้เป็นอย่างดี
สำหรับการเปิดตัวรถกระบะ New MG Extender งั้นก็ถือว่าเป็นสิ่งที่ท้าทาย และเป็นบทพิสูจน์ที่สำคัญ ของค่ายรถยนต์นี้ การเข้ามาสู่ตลาดรถ กระบะ เพื่อแย่งชิงส่วนแบ่งตลาด ทางผู้บริหารเองก็ไม่ได้คาดหวังที่ จะ เข้าไป ช่วงชิงยอดจำหน่ายจากค่าย ยักษ์ใหญ่ แต่หวังให้ผู้ใช้ได้มีโอกาส ได้เลือกสิ่งใหม่ๆ ซึ่งวันนี้ เราจะไปพิสูจน์ ความน่าใช้โดยการ ทดสอบ New MG Extender กันว่า สิ่งที่ MG นำเสนอ กระบะทางเลือก ใหม่ในครั้งนี้ จะสามารถตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ และตอบโจทย์ในเรื่องของการใช้งาน ได้ดี แค่ไหน
เริ่มต้น ทดสอบ New MG Extender จากภูเก็ตสู่สุราษฎร์ธานี
การเดินทางเพื่อพิสูจน์เรื่องของการใช้งานที่แท้จริง ครั้งแรกได้เริ่มต้นขึ้น โดย ใช้เส้นทางจากจังหวัดภูเก็ต มายังจังหวัดสุราษฎร์ธานี สิ่งนอกเหนือจากที่เราได้มีโอกาส ทดสอบเรื่องของสมรรถนะในการขับขี่ แฮนด์ลิ่ง รวมไปถึง สมรรถนะในการยึดเกาะถนนแล้ว ในครั้งนี้เรายังมีโอกาส ได้พิสูจน์ในเรื่องของความประหยัดน้ำมัน โดยมีช่วงทดสอบพิเศษ การวัดปริมาณอัตราสิ้นเปลือง ของกระบะ โดยในรุ่นที่เราได้ทดสอบกัน ในครั้งนี้ จะเป็นตัวท็อป นั่นก็คือ New MG Extender Double Cab 4 ประตูรุ่น Grand 4WD เกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ ราคาจำหน่ายอยู่ที่ 1, 02,9000 บาท
ภายนอกดูแกร่ง ภายในใส่ใจเรื่องเทคโนโลยี
New MG Extenderมาพร้อมกับฉายากระบะพันธุ์ยักษ์ให้มากกว่าความแกร่ง ซึ่งการออกแบบรูปร่างหน้าตา ที่ดูดุดันนั้นถือว่า ช่วยเสริม ความแข็งแกร่งให้กับตัวรถ ได้เป็นอย่างดีโดยเฉพาะอย่างยิ่งกระจังหน้า ที่เน้นความเป็น Modern Design ร่วมกับตัวถังขนาดใหญ่ โดยเฉพาะในรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อที่เรามีโอกาสได้ทดสอบกัน
ไฟหน้าออกแบบให้ใช้เป็นแบบโปรเจคเตอร์ ซึ่งจะมาพร้อมกับ Day Time Running Light ใส่บันไดข้าง เพื่อการขึ้นลงที่สะดวกมากยิ่งขึ้น สำหรับการออกแบบในด้าน ข้าง จะสังเกตเห็นถึง มัดกล้ามจากโป่งล้อที่ดูมีเหลี่ยมสันเส้นสาย คม ซึ่งก็ถือว่าเป็นจุดเด่นของ MG หลายๆ รุ่นด้วย
ส่วนด้านท้าย กระบะ เป็นแบบ ขอบตรง มีกันชนที่ดีไซน์ออกมาให้เข้าชุดกับ ตัวถัง ซึ่งจะเป็นสีเดียวกับตัวรถ โดยในรุ่นที่เราขับนั้น เป็นตัวแต่ง จะมีการ ดีไซน์กันชนให้ดูดุดันมากยิ่งขึ้นพร้อมทั้งใส่โรบาร์ด้านท้ายกระบะ เพิ่มเรื่องของแอโร่ไดนามิก ส่วนท้ายกระบะ ติดตั้งโลโก้ MG ที่เห็นอย่างเด่นชัด อย่างไรก็ตามใช้ของกระบะอาจดูไม่ได้ใหญ่มากนัก เพียงแต่ว่า การออกแบบ เน้นความแข็งแกร่งและดูแข็งแรง ซึ่งก็เป็นรูปแบบ ที่ดูสวยงาม ตามสไตล์ของ MG
ในการออกแบบห้องโดยสาร ก็ยังถือว่า MG เน้นศูนย์รวมอยู่ที่คอนโซลกลาง ไม่ว่าจะเป็น จอ แบบสีขนาดใหญ่ถึง 10 นิ้วระบบทัชสกรีน ไล่ลงมา เป็น ระบบปรับอากาศ อัตโนมัติ และคันเกียร์ที่มีดีไซน์ ให้หัวเกียร์มีขนาดใหญ่ แตกต่างจากยี่ห้ออื่น นอกจากนี้ยังออกแบบ ปุ่ม ปรับระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ เอาไว้ อยู่ ด้านข้าง ฝั่งซ้ายมือของ ชุด เกียร์อีกด้วย
ในรุ่น Double Cab ขับเคลื่อน 4 ล้อที่เราขับคันนี้ เบาะนั่ง สามารถปรับได้ด้วยไฟฟ้า คู่หน้าส่วนด้านหลัง พับ และมีช่องปรับอากาศสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับรถยนต์ในยุคปัจจุบัน
เครื่องยนต์ขึ้นแบบนิ่มๆ ส่งกำลังสมูทราบเรียบ
มาถึงในส่วนของต้นกำลังของการ ทดสอบ New MG Extender ในครั้งนี้ซึ่งก็เป็นเครื่องยนต์ดีเซลคอมมอนเรลไดเร็คอินเจคชั่นขนาด 2.0 ลิตร มีระบบอัดอากาศหรือว่าเทอร์โบแปรผัน เรียกมาร์คมาใช้งานได้ 161 แรงม้าที่ 4 000 รอบต่อนาที แรงบิด 375 นิวตันเมตร ในรอบเครื่องยนต์ที่ไม่สูงนัทโดยเป็น Flat torque
ส่วนระบบส่งกำลัง เป็นเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ ซึ่งสามารถปรับรูปแบบการขับขี่ได้ทั้งกี่ข้อและพาวเวอร์ ในส่วนของ การใช้งาน ทั้งเรื่อง พลังเครื่องยนต์ และการส่ง กำลัง เขาก็จะออกแบบให้สามารถ ขับได้ง่าย โดย เน้นการใช้งานที่ไม่แตกต่างจากรถ เก๋งหรือ SUV
คันเร่ง ออกแบบให้ตอบสนอง ต่อแรงกดที่ ไม่หนักมากเกินไปนะ ในขณะที่ พวงมาลัย ก็เสร็จออกมาให้ ควบคุมง่าย ในช่วงความเร็วต่ำมีน้ำหนักเบา แต่สิ่งหนึ่งที่เราอาจ ยังไม่ชอบนักก็คือเรื่องของน้ำหนักพวงมาลัยในช่วงที่ ใช้ความเร็วสูง ซึ่งยังคงมีน้ำหนักเบา
และนั่นก็เป็นผลทำให้ การควบคุม ในช่วง ใช้ความเร็ว ขาดความมั่นใจ ไปบ้าง ซึ่ง ผู้บริหารเองก็รับทราบ แล และเก็บข้อมูลเพื่อไป ปรับจูนในเรื่องของน้ำหนักพวงมาลัยให้เหมาะสมมากยิ่งขึ้น
ช่วงล่างนิ่มนวล กินน้ำมันในระดับกลางๆ
ช่วงล่างและการยึดเกาะถนน สำหรับ New MG Extenderใช้ช่วงล่างที่เรียกว่ายูโรจูนนิ่ง suspensions โดยด้านหน้าใช้กันสะเทือนอิสระ ปีกนกคู่ หรือว่าดับเบิ้ลวิชโบนส่วนด้านหลังเป็นแหนบแผ่น ทำงานควบคู่กับช่วงล่าง brit Dynamic ซึ่งจะเน้นในเรื่องของความนุ่มนวลในช่วงที่ความหรือไม่สูงนัก แต่เมื่อกดคันเร่ง ก็ถือว่า มีการยึดเกาะถนน ที่ดี
ซึ่งสิ่งหนึ่งที่ต้องยอมรับก็คือเรื่องของความนุ่มนวล ถ้าเทียบกับ หลายยี่ห้อในการ ทดสอบ New MG Extender ถือว่ามีการเก็บรายละเอียดของ รอยต่อถนนรวมทั้ง คอสะพานและ สภาพถนนที่ขรุขระได้เป็นอย่างดี ส่วนการยึดเกาะถนน อยู่ในระดับกลางๆ อย่างที่เราแจ้งเอาไว้ก็คือถ้ามีการปรับจูนนิ่งพวงมาลัย ให้มีความหน่วงมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม ก็จะส่งผลให้เรื่องของ handing และการยึดเกาะถนน ความแม่นยำของพวงมาลัย ดีขึ้นอย่างแน่นอน
ในการทดสอบอัตราสิ้นเปลืองของ Extender นั้น ต้องบอกว่าอยู่ในระดับกลาง ๆ ไม่ถือว่าประหยัดหรือบริโภคหนักมากนัก ซึ่งเราเองยังไม่ได้ลองในรุ่นขับเคลื่อนสองล้อ แม้จะทดสอบตัวขับสี่ แต่ก็จับอัตราสิ้นเปลืองกันในโหมดขับเคลื่อนสองล้อ ซึ่งในระยะทางเฉียด 100 กม.นั้นใช้น้ำมันไป 6 ลิตรกว่าๆ เฉลี่ยแล้วมีอัตราสิ้นเปลืองในความเร็ว90-100 กม./ชม. อยู่ที่ 15 กม./ลิตร กับรูปแบบของการขับประหยัดที่เน้นการใช้คันเร่งที่แผ่วเบา ก็ทำให้ตัวเลขออกมาในระดับกลางๆ
อัดแน่นไปด้วยเทคโนโลยี i-Smart และความปลอดภัย
อย่างไรก็ตามความโดดเด่นของ New mg xpander ไม่ได้หมดเพียงเท่านั้น สิ่งที่ mg ถนัดก็คือเรื่องของเทคโนโลยีรวมไปถึงความปลอดภัย ในส่วนแรกที่จะพูดกันก็คือเรื่องของเทคโนโลยี โดยเฉพาะระบบปฏิบัติการ i-Smart ซึ่งมีใช้อยู่ในหลายรุ่นของ mg เป็นระบบการสั่ง การด้วยเสียงภาษาไทย ทั้งเรื่องการ เชื่อมต่อ โทรศัพท์ การควบคุมระบบปรับอากาศ ตลอดจนวิทยุในรถ ก็ถือเป็นจุดเด่นที่ mg ยังคงใส่ใจและให้ความสำคัญกับเรื่องของความสะดวกสบาย
นอกจากนี้ในเรื่องของความปลอดภัยก็ใส่มาให้ เยอะพอตัว ไม่ว่าจะเป็นระบบ เบรก ABS ป้องกันล้อล็อกตาย ระบบเสริมแรงเบรกกระจายแรงเบรก รวมไปถึงระบบควบคุมการทรงตัวที่ MG เรียกว่า SCS หรือ Stability Control System นอกจากนี้ยังมีระบบ เทรคชั่นคอนโทรล ระบบตรวจสอบความผิดปกติของลมยางหรือ TPMS Tire Pressure Monitor System ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตา BSD Blind Spot detection และระบบเตือนเมื่อมีรถออกนอกเลน Lens departure warning System
นอกจากนี้ยังมี กุญแจนิรภัย อิมโมบิไลเซอร์ ถุงลมนิรภัย รวมทั้งสิ้น 6 ตำแหน่ง และกล้องมองภาพรอบทิศทาง สัญญาณเตือนกะระยะทั้งด้านหน้าและด้านหลัง
ก็ถือว่ามาทีหลัง จะจัดเต็มในด้านของ เทคโนโลยีและความปลอดภัยซึ่งแน่นอนว่า เหล่านั้น เป็นสิ่งที่ ng พยายามจะสร้างความเชื่อมั่น ให้กับผู้บริโภค และหวังที่จะแชร์ส่วนแบ่งตลาดรถ กระบะ ซึ่งนี่ถือเป็นบทพิสูจน์ที่สำคัญ อย่างไรก็ตาม โจทย์ หลักที่ MG จะต้อง พยายามทำให้สำเร็จ ก็คือเรื่องของความเชื่อมั่น ทั้งใน ตัวโชว์รูมศูนย์บริการ และแบรนด์ และแน่นอนว่าที่ผ่านมา MGก็ได้พิสูจน์ จากรถยนต์หลายๆรุ่น ศูนย์บริการทั่วประเทศ ที่เติบโตและเข้มแข็ง แบรนด์ที่มั่นคง แล้วเราก็เชื่อว่า MGจะให้ความสำคัญ กับสิ่งนี้รวมทั้งการพัฒนาคุณภาพของรถยนต์ในทุกๆรุ่น ตลอดไป
อ่านเนื้อหาที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม