มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย วางศิลาฤกษ์ก่อสร้างโรงพ่นสี

มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย วางศิลาฤกษ์
ก่อสร้างโรงพ่นสี เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมแห่งใหม่

  •  โรงพ่นสีแห่งใหม่เป็นส่วนหนึ่งของแผนการลงทุนมูลค่า 7 พันล้านบาทเพื่อยกระดับความสามารถด้านการผลิตรถยนต์ในประเทศไทย

  •  เมื่อก่อสร้างแล้วเสร็จในเดือนธันวาคมปี 2564 จะช่วยเพิ่มคุณภาพ เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และเพิ่มขีดความสามารถด้านการแข่งขัน

บรรยายภาพ: นางสาวดวงใจ อัศวจินตจิตร์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) (ที่ 4 จากขวา)  ร่วมเป็นประธานกับ มร. โมะริคาซุ ชกกิ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด (ที่ 5 จากขวา)  ในพิธี วางศิลาฤกษ์ก่อสร้างโรงพ่นสี แห่งใหม่ ของ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย โดยมี นายจักรรัฐ เลิศโอภาส รองผู้ว่าการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ที่ 4 จากซ้าย)  และแขกผู้มีเกียรติร่วมในพิธีดังกล่าว

บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด ประกอบพิธี วางศิลาฤกษ์ก่อสร้างโรงพ่นสี แห่งใหม่ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมในแหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี โรงพ่นสีแห่งใหม่นี้เป็นส่วนหนึ่งของแผนการลงทุนมูลค่า 7 พันล้านบาทเพื่อปรับปรุงเทคโนโลยีและยกระดับขีดความสามารถของศูนย์การผลิตรถยนต์ของ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ที่ดำเนินงานมาอย่างยาวนานในประเทศไทย มุ่งเสริมสร้างความแข็งแกร่งด้านการผลิตและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้น นอกจากการก่อสร้างโรงพ่นสีแห่งใหม่นี้ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ยังมีแผนการปรับปรุงพัฒนาเพื่อยกระดับศูนย์การผลิตแหลมฉบังในอนาคต

นางสาวดวงใจ อัศวจินตจิตร์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ให้เกียรติร่วมเป็นประธานในพิธีวางศิลาฤกษ์ซึ่งจัดขึ้นที่ศูนย์การผลิตแหลมฉบังของ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย โดยมี มร. โมะริคาซุ ชกกิ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด ให้การต้อนรับ

“โรงพ่นสีแห่งใหม่คือส่วนหนึ่งของการลงทุนมูลค่า 7 พันล้านบาทที่นำไปสู่การพัฒนาความสามารถทางการแข่งขันด้านการผลิตของเราให้เพิ่มสูงขึ้นด้วยเทคโนโลยีอันทันสมัยและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม  การพัฒนาในครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของความมุ่งมั่นพัฒนาธุรกิจสู่อนาคตอันยั่งยืนของ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส” มร. โมะริคาซุ ชกกิ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด กล่าว

โรงพ่นสีแห่งใหม่นี้จะก่อสร้างเสร็จสมบูรณ์ในเดือนธันวาคม 2564 เมื่อแล้วเสร็จจะประกอบด้วยอาคาร 4 ชั้น ครอบคลุมพื้นที่กว่า 21,000 ตารางเมตร และจะเป็นโรงพ่นสีที่มีความทันสมัยและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศไทย

มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย เป็นผู้บุกเบิกในด้านเทคโนโลยีการพ่นสีที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยเริ่มต้นในปี 2555 เราเป็นผู้นำเทคโนโลยีระบบสีที่ใช้น้ำเป็นตัวทำละลาย (Waterborne) ที่ทันสมัยที่สุด ณ เวลานั้น มาใช้อย่างเป็นทางการที่โรงงานแหลมฉบัง 3 ซึ่งจะทำให้ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย เป็นศูนย์การผลิตแห่งแรกในประเทศไทย ที่ใช้เทคโนโลยีการพ่นสีที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมล่าสุดในทุกโรงงาน

ปัจจุบันกระบวนการพ่นสีของ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ที่เป็นแบบสีที่ใช้สารระเหยจะยังคงสามารถดำเนินการผลิตได้เป็นอย่างดีตามมาตรฐานและข้อกำหนดของการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย แต่ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ได้ตระหนักถึงผลกระทบต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อมจึงได้พิจารณาลงทุนเพิ่มในเทคโนโลยีที่สามารถลดการปล่อยสารประกอบอินทรีย์ระเหยง่าย  หรือ VOCs ( Volatile Organic Compounds) ให้ได้มากที่สุด

โรงพ่นสีแห่งใหม่นี้จะติดตั้งระบบหุ่นยนต์อัตโนมัติและระบบ IoT (Internet of Things) เพื่อเพิ่มคุณภาพและประสิทธิภาพความแม่นยำในกระบวนการพ่นสีให้สูงขึ้น  พร้อมด้วยเทคโนโลยีขั้นสูงเพื่อเพิ่มความสามารถในการกำจัดสารระเหยที่หลงเหลือจากขั้นตอนการผลิต โรงพ่นสีแห่งใหม่จะสามารถลดการปล่อย VOCs ได้ถึงร้อยละ 81 พร้อมกันนี้จะใช้ระบบสายพานขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์บังคับแรงเสียดทาน (Friction Conveyor System) ที่สามารถลดมลภาวะทางเสียงในโรงงานได้ดีอีกด้วย

ขณะเดียวกันน้ำเสียจากกระบวนการพ่นสีจะถูกรีไซเคิลผ่านระบบรีเวอร์สออสโมซิสและนำกลับมาใช้ในกระบวนการผลิต จึงสามารถช่วยลดปริมาณน้ำเสียลงร้อยละ 80 และยังช่วยลดการนำน้ำใหม่มาใช้ในกระบวนการพ่นสีร้อยละ 80 เมื่อเทียบกับกระบวนการพ่นสีในปัจจุบัน

โรงพ่นสีแห่งใหม่นี้ยังจะได้รับการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์บนดาดฟ้า ที่ละกะวัตต์อารถนการพ่นสีพมs) ลยีที่สามารถลด ำหนดของ yสามารถผลิตไฟฟ้าได้ถึง 3,000 เมกะวัตต์ชั่วโมงต่อปี ช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 1,707 ตันต่อปี โดยเมื่อรวมกับแผนการใช้พลังงานจากแสงอาทิตย์ของโรงงานแหลมฉบังแล้ว จะสามารถลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้เกือบ 6,000 ตันต่อปี

การลงทุนก่อสร้างโรงพ่นสีแห่งใหม่และการยกระดับศูนย์การผลิตได้ตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นและการให้ความสำคัญของ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ที่มีต่อประเทศไทย โดยปัจจุบันรถยนต์ 4 รุ่นหลักของ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ที่ผลิตขึ้นในประเทศไทย ได้แก่ มิตซูบิชิ ไทรทัน มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต, มิตซูบิชิ แอททราจ และ มิตซูบิชิ มิราจ ได้ส่งออกไปยังกว่า 120 ประเทศทั่วโลก โดยในปี 2562 ที่ผ่านมา มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ครองอันดับหนึ่งด้านการส่งออกรถยนต์ของประเทศไทย

การยกระดับความสามารถด้านการผลิตในประเทศไทยยังสอดคล้องกับกลยุทธ์ระยะยาวของ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ที่ได้ให้ความสำคัญต่อความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม การประหยัดพลังงานและการใช้กพลังงานทางเลือก รวมถึงการนำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาใช้เพื่อเพิ่มคุณภาพและประสิทธิภาพในการผลิตให้สูงขึ้น

มิตซูบิชิ มอเตอร์ส เริ่มดำเนินธุรกิจในประเทศไทยตั้งแต่ปี 2504 โดยโรงงานผลิตที่แหลมฉบังเริ่มดำเนินงานครั้งแรกในปี 2535 และได้เติบโตสู่การเป็นศูนย์กลางด้านการผลิตและส่งออกที่ใหญ่ที่สุดของ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส นอกประเทศญี่ปุ่น จึงมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนการเติบโตทางธุรกิจ และสร้างความแข็งแกร่งให้กับ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ในระดับโลก การก่อสร้างโรงพ่นสีแห่งใหม่นับเป็นโครงการเริ่มต้นของแผนการยกระดับและปรับปรุงศูนย์การผลิตครั้งสำคัญในรอบเกือบ 30 ปี ของ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย