โตโยต้าฉลองความสำเร็จ 10 ปี รถยนต์ไฮบริดในประเทศไทย
ประกาศความพร้อมในการดำเนินโครงการ
“การบริหารจัดการแบตเตอรี่รถยนต์ไฮบริดใช้แล้วแบบครบวงจร”
นายอภิจิณ โชติกเสถียร รองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม และ มร.มิจิโนบุ ซึงาตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด พร้อมด้วยคณะผู้บริหารระดับสูงจาก บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด บริษัท โตโยต้า ไดฮัทสุ เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ แมนูแฟคเจอริ่ง จำกัด บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ เอเชียแปซิฟิค บริษัท โตโยต้า ทูโช (ไทยแลนด์) จำกัด บริษัท เดนโซ (ประเทศไทย) จำกัด และ บริษัท เวสท์ แมเนจเม้นท์ สยาม จำกัด ร่วมเป็นเกียรติในงาน โตโยต้าฉลองความสำเร็จ 10 ปี รถยนต์ไฮบริดในประเทศไทย
และพิธีเปิดโครงการบริหารจัดการแบตเตอรี่รถยนต์ไฮบริดใช้แล้วแบบครบวงจร” เพื่อแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการวางรากฐานการขยายตัวของรถยนต์ไฟฟ้า ตลอดจนเป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันให้ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตรถยนต์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในระยะยาวต่อไป เมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2562 ณ บริษัท ทีทีเค โลจิสติคส์ จำกัด จังหวัดฉะเชิงเทรา
บนเส้นทางความสำเร็จ 10ปี กับการแนะนำรถยนต์ไฮบริดในประเทศไทย
โตโยต้ามีความมุ่งมั่นในการพัฒนาและริเริ่มโครงการต่างๆ ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของการพัฒนาผลิตภัณฑ์ ภายใต้พันธสัญญาที่จะร่วมรักษาสิ่งแวดล้อม จนนำไปสู่การแนะนำเทคโนโลยีเครื่องยนต์ไฮบริด (Hybrid Synergy Drive) สู่ตลาดโลกเป็นครั้งแรกในปี พ.ศ. 2540 และ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ถือเป็นบริษัทผลิตรถยนต์รายแรกในประเทศไทย เป็นประเทศแรกในทวีปเอเชียนอกเหนือจากประเทศญี่ปุ่น ที่ได้นำรถยนต์ไฮบริดมาผลิตและจำหน่ายอย่างเป็นทางการในปี พ.ศ. 2552
โดยมีความมุ่งหวังที่จะปลุกกระแสความนิยมในการเลือกใช้รถยนต์ไฮบริดที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมให้แพร่หลายมากยิ่งขึ้น พร้อมให้ประเทศไทยเป็นฐานในการบุกเบิกตลาดรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้า ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ต่อไป
ตลอดระยะเวลา 10ปี ที่ผ่านมา บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด รู้สึกขอบคุณการสนับสนุนของภาครัฐในการส่งเสริมการใช้รถยนต์พลังงานทางเลือก ทั้งในแง่ของการสนับสนุนเชิงนโยบายและสิทธิประโยชน์ต่างๆที่ทางโตโยต้าได้รับจากการดำเนินโครงการรถยนต์ไฮบริด ทำให้โตโยต้าสามารถพัฒนารถยนต์ไฮบริดที่สร้างความพึงพอใจสูงสุดให้แก่ลูกค้า เริ่มจากการแนะนำรถยนต์รุ่น คัมรี ไฮบริด ด้วยเทคโนโลยียานยนต์อัจฉริยะแห่งอนาคต ที่ให้สมรรถนะอันดีเยี่ยม เงียบและนุ่มนวล ประหยัดเชื้อเพลิงสูงสุด และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
จากนั้น เทคโนโลยีไฮบริดได้ถูกพัฒนามาอย่างต่อเนื่องจนถึงเจนเนอเรชั่นที่ 4 ในรุ่น C-HR และ คัมรี ไฮบริด ใหม่ ที่แบตเตอรี่ไฮบริดมีประสิทธิภาพสูงขึ้น มีอายุการใช้งานที่นานขึ้น ช่วยลดความกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาแก่ลูกค้า นอกจากนี้โตโยต้ายังได้สร้างความเข้าใจและความเชื่อมั่นในเทคโนโลยีไฮบริดให้กับลูกค้ามาโดยตลอด รวมถึงความใส่ใจในบริการดูแลลูกค้าหลังการขายตั้งแต่วันแรกที่ครอบครองถึงตลอดระยะเวลาการใช้งาน รวมถึงการรับประกันคุณภาพแบตเตอรี่ 10 ปี ไม่จำกัดระยะทาง ทำให้รถยนต์ไฮบริดโตโยต้าได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากลูกค้าชาวไทย จนมียอดขายรวมแล้วทั้งสิ้นกว่า 78,000 คัน ตอกย้ำถึงความเชื่อมั่นและความนิยมของรถยนต์ไฮบริดในประเทศไทยที่เติบโตขึ้นได้เป็นอย่างดี
มร.มิจิโนบุ ซึงาตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด เปิดเผยว่า “จากความสำเร็จตลอด 10 ปี ที่ผ่านมาของการแนะนำรถยนต์ไฮบริดสู่ตลาดรถยนต์ในไทย บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด พร้อมแล้วที่จะก้าวสู่ความท้าทายครั้งใหม่ เพื่อตอกย้ำความมุ่งมั่นของเราในการพัฒนาเทคโนโลยีและตอบสนองนโยบายของภาครัฐ ที่ต้องการผลักดันให้ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตรถยนต์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในระยะยาว ตลอดจนเตรียมความพร้อมในการขยายการรองรับการใช้งานรถยนต์ไฮบริดในอนาคต หนึ่งในปัจจัยสำคัญ ได้แก่ การผลิตแบตเตอรี่รถยนต์ไฮบริด และการบริหารจัดการแบตเตอรี่อย่างครบวงจร
โตโยต้าจึงได้ก่อตั้ง สายการผลิตแบตเตอรี่ รถยนต์ไฮบริด ขึ้นที่โรงงานประกอบรถยนต์โตโยต้า เกตเวย์ จังหวัดฉะเชิงเทรา ในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นโรงงานโตโยต้าที่ประกอบแบตเตอรี่รถยนต์ไฮบริดแห่งแรกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมีการนำเทคโนโลยีจักรกลระดับสูง ตลอดจนองค์ความรู้และประสบการณ์ด้านการผลิตแบตเตอรี่ไฮบริดจาก โตโยต้าที่ประเทศญี่ปุ่นมาปรับใช้ เพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปในมาตรฐานเดียวกันในระดับสากล และพร้อมสำหรับการผลิตแบตเตอรี่ไฮบริดเพื่อใช้ในรถยนต์รุ่นคัมรี ไฮบริด และ C-HR รวมถึงรถยนต์ไฮบริดรุ่นอื่นๆในอนาคต”
มร.มิจิโนบุ ซึงาตะ กล่าวว่า “นอกเหนือจากการเปิดสายการผลิตแบตเตอรี่รถยนต์ไฮบริดแล้ว เรายังตระหนักถึงความสำคัญของแนวคิดระบบเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) ที่ต้องการหมุนเวียนเอาทรัพยากรมาใช้ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดจนครบเกิดเป็นวงจร ตั้งแต่ภาคการผลิต การบริโภค ไปจนถึงกระบวนการจัดการของเสียอย่างเหมาะสม (Proper Waste Management) ด้วยกระบวนการใช้ซ้ำ (Reuse) หมุนเวียนกลับมาใช้ใหม่ (Recycle) และการผลิตใหม่ (Rebuilt) อันจะนำไปสู่ความยั่งยืนของทั้งระบบ จนนำไปสู่ความร่วมมือกันระหว่างโตโยต้ากับพันธมิตรทางธุรกิจอย่าง บริษัท โตโยต้า ทูโช (ประเทศไทย) จำกัด บริษัท เดนโซ (ประเทศไทย) จำกัด และ บริษัท เวสท์ แมเนจเม้นท์ สยาม จำกัด
ในการดำเนินโครงการ “การบริหารจัดการแบตเตอรี่รถยนต์ไฮบริดใช้แล้วแบบครบวงจร (3R Scheme)” ซึ่ง บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ถือเป็นบริษัท โตโยต้า แห่งแรกในโลกนอกเหนือจากประเทศญี่ปุ่น ที่ได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีและองค์ความรู้ให้สามารถดำเนินงานในโครงการดังกล่าวได้อย่างครบวงจร”
สำหรับ โครงการ “การบริหารจัดการแบตเตอรี่รถยนต์ไฮบริดใช้แล้วแบบครบวงจร (3R Scheme)” โตโยต้ามุ่งเน้นให้ทุกองค์ประกอบของแบตเตอรี่รถยนต์ไฮบริดที่ผ่านการใช้งานแล้ว ได้เข้าสู่กระบวนการบริหารจัดการอย่างเหมาะสมทั้งในด้านความปลอดภัยและสิ่งแวดล้อม ด้วยเทคโนโลยีและผู้ชำนาญการเฉพาะทางของโตโยต้า ตลอดจนนำทรัพยากรที่ได้จากกระบวนการดังกล่าวกลับมาใช้ให้เกิดประโยชน์อย่างสูงสุด โดยมีรายละเอียดในการดำเนินการ ดังนี้
1) กระบวนการตรวจสอบและประเมินคุณภาพอย่างรวดเร็ว (Rapid Diagnosis Process)
เริ่มจากการนำแบตเตอรี่รถยนต์ไฮบริดที่ใช้แล้ว มาเข้ากระบวนการตรวจสอบโดยเครื่องมือและโปรแกรมตรวจสอบประสิทธิภาพด้วยเทคโนโลยีชั้นสูงจากประเทศญี่ปุ่น ที่มีศักยภาพในการตรวจสอบประเมินได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ ก่อนที่จะทำการคัดประสิทธิภาพของโมดุล(เซลล์) ที่อยู่ในแบตเตอรี่ (ประสิทธิภาพตามความเหมาะสมกับการใช้งานในแต่ละวัตถุประสงค์) เพื่อส่งไปดำเนินการต่อในกระบวนการถัดไป
2) การผลิตแบตเตอรี่เกรดใช้งานแล้ว ลูกใหม่ (Rebuilt)
การนำโมดุล (เซลล์) ที่ยังคงมีประสิทธิภาพในระดับสูง มารวบรวมและประกอบขึ้นเป็นแบตเตอรี่ลูกใหม่ เพื่อจำหน่ายในราคาย่อมเยา ในราคาประมาณ 1ใน3 ของราคาแบตเตอรี่ใหม่ พร้อมการรับประกันคุณภาพ ซึ่งเป็นทางเลือกให้กับลูกค้าเพื่อลดภาระความกังวลใจในราคาแบตเตอรี่ และสามารถตัดสินใจเป็นเจ้าของรถยนต์ไฮบริดได้ง่ายยิ่งขึ้น
3) การใช้ซ้ำ (Re-use)
การนำโมดุล (เซลล์) ที่มีประสิทธิภาพในระดับปานกลาง มีความสามารถในการเก็บประจุไฟฟ้าได้มาประกอบขึ้นเป็นแบตเตอรี่เก็บพลังงานไฟฟ้าสำรอง (Energy Storage) สำหรับการใช้งานภายในอาคารสถานที่และโรงงาน ตลอดจนสถานีชาร์จพลังงานไฟฟ้า
โดยสามารถนำไปใช้ในการกักเก็บพลังงานไฟฟ้าที่เหลือจากแหล่งพลังงานทางเลือก เช่น พลังงานไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ (Solar cell) พลังงานไฟฟ้าจากพลังงานลม (Wind turbine) เป็นต้น ถือเป็นการต่อยอดการนำพลังงานมาหมุนเวียนใช้ได้อย่างคุ้มค่า
4) การหมุนเวียนกลับมาใช้ใหม่ (Recycle)
การนำโมดุล (เซลล์) ที่มีประสิทธิภาพในระดับต่ำ ส่งเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิล โดยการนำไปเผาในเตาเผาแบบ Gasification เพื่อกำจัดสารที่เป็นอันตรายในอุณหภูมิที่เหมาะสม ซึ่งเป็นเตาเผาแรกของประเทศไทยที่สามารถเผาแบตเตอรี่ได้ทั้งแบบนิเกิล-เมทัล-ไฮไดรด์ (NiMH) และ แบบลิเธียมไอออน (Li-Ion) โดยภายหลังการเผาจะถูกส่งไปสกัดแร่โลหะที่ประเทศญี่ปุ่น เพื่อนำ นิกเกิล (Ni) และ โคบอลท์ (Co)กลับมาใช้เป็นวัตถุดิบสำหรับผลิตเป็นแบตเตอรี่ใหม่อีกครั้ง ถือเป็นการช่วยลดการใช้ทรัพยากรธรรมชาติและผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม
นาย อภิจิณ โชติกเสถียร รองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า “ผมขอแสดงความยินดีและชื่นชม บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด และบริษัทฯ ในเครือ ในฐานะผู้ริเริ่มการผลิตและจัดจำหน่ายรถยนต์ไฮบริดในประเทศไทย อันเป็นจุดเริ่มต้นของอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศสู่ยานยนต์ไฟฟ้า ซึ่งเป็น 1 ใน 10 อุตสาหกรรมเป้าหมาย (First S-Curve) ภายใต้นโยบาย Thailand 4.0 โดยรถยนต์ไฮบริดถือเป็นการพัฒนาเทคโนโลยีจากการขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์สันดาปภายในสู่รถยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้า ซึ่งมีส่วนช่วยทำให้ประเทศไทยสามารถลดปริมาณสารมลพิษไอเสีย ลดอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง และลดอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์
โดยตลอดระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา โตโยต้าได้มีส่วนสำคัญทั้งในด้านการลงทุน การสร้างมูลค่าเพิ่ม การจ้างงาน และการพัฒนาด้านเทคโนโลยี สอดคล้องกับแนวนโยบายภาครัฐ ซึ่งได้ตระหนักถึงการให้ความสำคัญในการส่งเสริมและสนับสนุนแนวนโยบายต่าง ๆ เพื่อช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถผลิตและพัฒนาเทคโนโลยี เพื่อส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ตลอดจนการส่งผลเชิงบวกต่อระบบเศรษฐกิจ อุตสาหกรรม สังคม และคุณภาพชีวิตของคนไทย
ถือเป็นโอกาสอันดีที่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด และบริษัทฯ ในเครือ ได้มีการริเริ่มโครงการบริหารจัดการแบตเตอรี่ไฮบริดที่ใช้แล้วขึ้นเป็นแห่งแรกในประเทศไทย เพื่อนำกลับมาใช้ซ้ำอีก ให้เกิดประโยชน์สูงสุดในแง่การใช้ทรัพยากรหมุนเวียน ตลอดจนการลดปริมาณขยะจากภาคอุตสาหกรรมอย่างเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ได้อย่างเป็นรูปธรรม ต่อเนื่องจากการผลิตแบตเตอรี่ไฟฟ้าภายในประเทศ ถือได้ว่าเป็นสร้างรากฐานสู่การพัฒนายานยนต์ไฟฟ้า ตลอดจนการยึดมั่นแนวทางการดำเนินธุรกิจด้วยความรับผิดชอบต่อสังคม โดยเฉพาะการมุ่งเน้นการรักษาสิ่งแวดล้อม โดยการใช้ทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุด”
มร.มิจิโนบุ ซึงาตะ กล่าวเพิ่มเติมว่า “ความสำเร็จของรถยนต์ไฮบริดในประเทศไทย ตลอดระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา คงไม่อาจเกิดขึ้นได้หากเราไม่ได้รับการสนับสนุนเป็นอย่างดีจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ทั้งภาครัฐและพันธมิตรทางธุรกิจ ตลอดจนลูกค้าโตโยต้าที่ได้ให้ความไว้วางใจในผลิตภัณฑ์รถยนต์ไฮบริด ทั้งนี้โตโยต้ายังถือได้ว่าเป็นผู้ผลิตรถยนต์รายแรกในประเทศไทย ที่เริ่มระบบการจัดการแบตเตอรี่ไฮบริดทั้งวงจรชีวิตของผลิตภัณฑ์ ซึ่งไม่เพียงแต่จะพร้อมรองรับแบตเตอรี่ไฮบริดใช้แล้วจากผู้ผลิตรถยนต์เท่านั้น หากแต่เรายังพร้อมเปิดรับให้บริการกับลูกค้าทุกประเภทในอุตสาหกรรมอื่นๆอีกด้วย
เราเชื่อว่านอกจากโครงการนี้จะมีส่วนช่วยในการลดค่าใช้จ่ายของตัวแบตเตอรี่ไฮบริด รวมถึงลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมแล้ว ยังจะมีส่วนช่วยในการสร้างรากฐานการบริหารจัดการเพื่อรองรับตลาดรถยนต์ EV ที่กำลังเติบโตขึ้นในอนาคตอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม โตโยต้าคงไม่สามารถทำให้สิ่งนี้ประสบความสำเร็จได้เพียงลำพัง ดังที่คุณอากิโอะ โตโยดะ ประธานบริษัท โตโยต้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น ได้เคยกล่าวเอาไว้ว่า เราจำเป็นต้องมีความคิดแบบนอกกรอบ พร้อมที่จะเปิดรับแนวร่วมพันธมิตรที่มีวิสัยทัศน์และแนวคิดตรงกัน เพื่อก้าวไปสู่การบรรลุเป้าหมายในอนาคต กับความต้องการลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมทั่วโลกให้เป็นศูนย์ ซึ่งถือเป็นหนึ่งในเป้าหมายที่ท้าทายของโตโยต้าที่ต้องการจะสร้างการขับเคลื่อนที่ดียิ่งกว่า (Ever Better Mobility) และสร้างสรรค์สังคมที่ดียิ่งขึ้น (Ever Better Society)”
สิทธิพิเศษสำหรับลูกค้ารถยนต์โตโยต้าไฮบริดที่ศูนย์บริการโตโยต้า และ โตโยต้า ชัวร์ |
เพื่อเป็นการขอบคุณ และ ตอบแทน ทุกๆ ความเชื่อมั่นและความไว้วางใจในการร่วมเป็นครอบครัวโตโยต้าไฮบริด ตลอด 10 ปีที่ผ่านมา บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด มอบสิทธิพิเศษให้กับลูกค้ารถยนต์โตโยต้าไฮบริดทุกรุ่น ที่ศูนย์บริการโตโยต้าทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 5 กันยายน ถึง 31 ธันวาคม 2562 โดยมีสิทธิพิเศษ ดังนี้
1. บริการตรวจสอบระบบไฟฟ้ารถยนต์ไฮบริดทุกรุ่น ด้วยเครื่องมือวิเคราะห์ปัญหา GTS โดยช่างผู้ชำนาญการ โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
2. บริการตรวจสอบระบบและทำความสะอาดกรองฝุ่นแบตเตอรี่ เพื่อยืดอายุการใช้งาน โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
3. สนับสนุนส่วนลดพิเศษ ค่าอะไหล่รถยนต์ไฮบริดทุกรุ่น สำหรับน้ำยาล้างกระจก, อะไหล่กลุ่มที่ปัดน้ำฝน และยางปัดน้ำฝน, อะไหล่กลุ่มผ้าเบรกและโช๊คอัพ ส่วนลด 20% และแบตเตอรี่รถยนต์ไฮบริด 12 โวลท์ ส่วนลดสูงสุด 700 บาท
นอกจากนี้ สำหรับลูกค้าที่ซื้อรถยนต์โตโยต้าไฮบริดใช้แล้วจาก โตโยต้า ชัวร์ ทั่วประเทศ (ตามรุ่นที่กำหนด) จะได้รับสิทธิพิเศษ ในการขยายเวลารับประกัน แบตเตอรี่ไฮบริด (High Voltage Battery) ทันทีอีก 5 ปี* (จากเดิม 10 ปี เป็นสูงสุด 15 ปี) ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน ถึง 31 ธันวาคม 2562 โดยมีรถยนต์โตโยต้าไฮบริดที่ได้รับสิทธิ์ดังนี้
1. รถยนต์โตโยต้า Camry AHV40 (รุ่นปี 2552 – 2555)
2. รถยนต์โตโยต้า Camry AVV50 (รุ่นปี 2555 – 2561)
3. รถยนต์โตโยต้า Prius ZVW30 (รุ่นปี 2553 – 2558)
*หมายเหตุ บริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์อนุมัติการรับรองการใช้งานแบตเตอรี่ไฮบริดเพิ่ม 5 ปี ให้เฉพาะรถยนต์โตโยต้าไฮบริด ที่การรับรองการใช้งานแบตเตอรี่ไฮบริด 10 ปีของรถใหม่ ยังไม่หมดอายุ
สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
– ศูนย์บริการผู้แทนจำหน่ายโตโยต้าทั่วประเทศ
– ผู้จำหน่ายโตโยต้า ชัวร์ ทั่วประเทศ