โตโยต้าแถลงยอดขายตลาดรถยนต์ครึ่งแรกของปี 2562
พร้อมคาดการณ์ตลาดรวมคงอยู่ในระดับ 1 ล้านคัน
มร.มิจิโนบุ ซึงาตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด แถลงสถิติการจำหน่ายรถยนต์ครึ่งแรกของปี 2562 พร้อมประมาณการตลาดรถยนต์ไทยปี 2562
โตโยต้าแถลงยอดขายตลาดรถยนต์ครึ่งแรกของปี 2562 มร.ซึงาตะ กล่าวว่า “ปีนี้นับเป็นปีที่น่าจับตามองอีกปีหนึ่ง สำหรับตลาดรถยนต์ที่ทดสอบว่าจะสามารถรักษาระดับยอดขายที่ดีจากปีที่ผ่านมาได้หรือไม่ ซึ่งการแนะนำรถยนต์รุ่นใหม่ และกิจกรรมส่งเสริมการขายจากค่ายรถยนต์ มีส่วนสำคัญต่อการเติบโตของตลาดรถยนต์ในประเทศ โดยยอดขายรถยนต์ในครึ่งปีแรกของปี 2562 มียอดขายอยู่ที่ 523,770 คัน เติบโตเพิ่มขึ้น 7.1% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา”
| สถิติการขายรถยนต์ ครึ่งแรกของปี 2562 |
| ปริมาณการขายรวม | 523,770 คัน | เพิ่มขึ้น 7.1 % |
| รถยนต์นั่ง | 206,540 คัน | เพิ่มขึ้น 8.5 % |
| รถเพื่อการพาณิชย์ | 317,230 คัน | เพิ่มขึ้น 6.2 % |
| รถกระบะ 1 ตัน (รวมรถกระบะดัดแปลง) | 258,375 คัน | เพิ่มขึ้น 8.8 % |
| รถกระบะ 1 ตัน (ไม่รวมรถกระบะดัดแปลง) | 225,508 คัน | เพิ่มขึ้น 8.7 % |
สำหรับแนวโน้มตลาดรถยนต์ของปี 2562 มร.ซึงาตะ คาดการณ์ว่า “ตลาดรถยนต์รวมในครึ่งปีแรกเติบโตมากกว่าที่เคยคาดไว้ สืบเนื่องจากภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศไทยที่มีความแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง แต่อย่างไรก็ตามตลาดรถยนต์ในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาปรับลดลงในรอบ 30 เดือน เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีผ่านมา ซึ่งคาดว่าความเชื่อมั่นของผู้บริโภคต่อภาวะเศรษฐกิจโลกที่ไม่แน่นอน อาจส่งผลกระทบต่อตลาดรถยนต์ในครึ่งปีหลัง ดังนั้นเราจึงคาดการณ์ว่าตลาดรถยนต์รวมในประเทศจะเติบโตอยู่ในระดับ 1 ล้านคัน เช่นเดียวกับที่เราคาดการไว้ตั้งแต่ต้นปี และยังถือได้ว่าเป็นปีที่มียอดขายแตะระดับล้านคันเป็นปีที่สองติดต่อกัน
| ประมาณการยอดขายรถยนต์ในประเทศ ปี 2562 |
| ปริมาณการขายรวม | 1,000,000 คัน | ลดลง 4.0 % |
| รถยนต์นั่ง | 387,229 คัน | ลดลง 3.1 % |
| รถเพื่อการพาณิชย์ | 612,769 คัน | ลดลง 4.6 % |
| รถกระบะ 1 ตัน (รวมรถกระบะดัดแปลง) | 496,088 คัน | ลดลง 3.0 % |
| รถกระบะ 1 ตัน (ไม่รวมรถกระบะดัดแปลง) | 432,898 คัน | ลดลง 3.2 % |

มร.ซึงาตะ กล่าวว่า “สำหรับยอดขายโตโยต้าในช่วงครึ่งปีแรกอยู่ที่ 171,502 คัน เพิ่มขึ้น 20.8% ครองส่วนแบ่งการตลาด 32.7% ซึ่งมีปัจจัยหลักมาจากการตอบรับที่ดีของลูกค้า จากการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ตั้งแต่ช่วงปลายปีที่ผ่านมาจนถึงต้นปีนี้ อาทิเช่น The All-New Camry ซึ่งมาพร้อมกับสถาปัตยกรรมยานยนต์ใหม่ TNGA และเครื่องยนต์ Dynamic Force ที่ให้ประสิทธิภาพการขับขี่สูงสุด Hilux Revo Z Edition ที่โดดเด่น เร้าใจ ด้วยกันชนและกระจังหน้าดีไซน์ใหม่ รวมไปถึงกิจกรรมส่งเสริมการขายของ Yaris และ ATIV
| สถิติการขายรถยนต์ของโตโยต้า ครึ่งแรกของปี 2562 |
| ปริมาณการขายโตโยต้า | 171,502 คัน | เพิ่มขึ้น 20.8 % | ส่วนแบ่งตลาด 32.7 % |
| รถยนต์นั่ง | 60,350 คัน | เพิ่มขึ้น 12.8 % | ส่วนแบ่งตลาด 29.2 % |
| รถเพื่อการพาณิชย์ | 111,152 คัน | เพิ่มขึ้น 25.6 % | ส่วนแบ่งตลาด 35.0 % |
| รถกระบะ 1 ตัน (รวมรถกระบะดัดแปลง) | 99,206 คัน | เพิ่มขึ้น 29.2 % | ส่วนแบ่งตลาด 38.4 % |
| รถกระบะ 1 ตัน (ไม่รวมรถกระบะดัดแปลง) | 84,806 คัน | เพิ่มขึ้น 32.7 % | ส่วนแบ่งตลาด 37.6 % |
มร.ซึงาตะ กล่าวเพิ่มเติมว่า “นอกจากนี้ “The All-New Commuter” ที่เราได้เปิดตัวไปเมื่อเดือนที่ผ่านมา สามารถตอบโจทย์ลูกค้าได้เป็นอย่างดี ทั้งในเรื่องความปลอดภัยที่เหนือระดับและความสบายที่เหนือชั้นสำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสาร เรามีความภูมิใจและอยากขอบคุณลูกค้าที่ไว้วางใจในผลิตภัณฑ์ของเรา โดยมียอดจองมากกว่า 2,000 คัน ซึ่งมากกว่าเป้าหมายที่เราได้คาดการณ์ไว้
และสำหรับเป้าหมายของโตโยต้าในปีนี้ เรายังยืนยันส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 33% ตามที่ได้ตั้งเป้าหมายไว้ตั้งแต่ต้นปี ด้วยยอดขายที่ 330,000 คัน เพิ่มขึ้น 4.7% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา และเพื่อบรรลุเป้าหมายนี้เราจะเสริมสร้างความแข็งแกร่งด้วยการเพิ่มความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าให้ดียิ่งขึ้น และมุ่งมั่นในการสร้างยนตรกรรมที่ดียิ่งกว่า (Ever-Better Cars) เพื่อส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่ดีให้กับลูกค้าของเราตลอดทั้งปี
สำหรับการส่งออกในครึ่งปีแรก โตโยต้าได้ส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปจำนวน 138,538 คัน ลดลง 5% จากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ในส่วนของเป้าหมายการส่งออกในปี 2562 นั้น เราคาดการณ์ว่าปริมาณการส่งออกของโตโยต้ายังคงอยู่ที่ 270,000 คัน ลดลง 8% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา สืบเนื่องจากความต้องการที่ลดลงในภูมิภาคอเมริกากลาง อเมริกาใต้ และโอเชียเนีย นอกจากนี้ในด้านการผลิตของโตโยต้านั้น เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ของตลาดรถยนต์ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เราจึงยังคงยึดเป้าหมายเดิมในการผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศและเพื่อการส่งออกอยู่ที่ 577,000 คัน ลดลง 2% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา”





| ประมาณยอดขายรถยนต์ในประเทศของโตโยต้า ปี 2562 |
| ปริมาณการขายรวม | 330,000 คัน | เพิ่มขึ้น 4.7 % | ส่วนแบ่งตลาด 33.0 % |
| รถยนต์นั่ง | 115,950 คัน | เพิ่มขึ้น 3.2 % | ส่วนแบ่งตลาด 29.9 % |
| รถเพื่อการพาณิชย์ | 214,050 คัน | เพิ่มขึ้น 5.6 % | ส่วนแบ่งตลาด 34.9 % |
| รถกระบะ 1 ตัน (รวมรถกระบะดัดแปลง) | 189,730 คัน | เพิ่มขึ้น 7.2 % | ส่วนแบ่งตลาด 38.2 % |
| รถกระบะ 1 ตัน (ไม่รวมรถกระบะดัดแปลง) | 161,920 คัน | เพิ่มขึ้น 7.3 % | ส่วนแบ่งตลาด 37.4 % |
มร.ซึงาตะ กล่าวเพิ่มเติมว่า “นอกจากเป้าหมายทางด้านธุรกิจ โตโยต้ายังมีอีกหนึ่งเป้าหมายที่ท้าทาย นั่นคือการเปลี่ยนแปลงตัวเองในฐานะผู้ผลิตรถยนต์ไปสู่การเป็นองค์กรแห่งการขับเคลื่อน (Mobility Company) ซึ่งเป็นการให้บริการทุกประเภทที่เกี่ยวข้องกับการเดินทาง สำหรับโครงการ “CU TOYOTA Ha:mo”
คือการเดินทางระยะสั้นจากต้นทางสู่ปลายทาง(first and last mile mobility) ซึ่งเราได้การตอบรับเป็นอย่างดีจากนิสิต อาจารย์ รวมถึงเจ้าหน้าที่ และเรากำลังร่วมมือกับจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยและพันธมิตรเพื่อศึกษาการปรับปรุงการขับขี่ปลอดภัยและการประหยัดพลังงาน (Safety & Eco-Driving Improvement) และการเคลื่อนย้ายรถด้วยระบบขับขี่อัตโนมัติ (Autonomous Vehicle Relocation) ควบคู่ไปกับแผนการขยายบริการไปยังพื้นที่รอบนอกของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งโครงการดังกล่าวถือได้ว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีของการขับเคลื่อนที่ดียิ่งกว่า (Ever-Better Mobility)
นอกจากนี้โตโยต้ายังได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนาทักษะของบุคลากร ซึ่งตลอดระยะเวลา 56 ปี ของการดำเนินธุรกิจในประเทศไทย โตโยต้าได้รับการยอมรับในฐานะที่เป็นองค์กรต้นแบบในด้านการบริหารจัดการด้วย “วิถีโตโยต้า” (Toyota Way) และ “ระบบการผลิตแบบโตโยต้า” (Toyota Production System) ซึ่งทั้งสององค์ความรู้นี้ได้ถูกบรรจุอยู่ในหลักสูตรการเรียนการสอนสำหรับนักศึกษาที่วิทยาลัยเทคโนโลยียานยนต์โตโยต้าเพื่อเพิ่มพูนขีดความสามารถและทักษะด้านการบริหารจัดการ ในขณะเดียวกันรัฐบาลมีนโยบายส่งเสริมให้นักศึกษาในสาขาด้านเทคโนโลยี สำเร็จการศึกษาในระดับปริญญาตรีเพิ่มมากขึ้น
ซึ่งเป็นที่มาของความร่วมมือระหว่างวิทยาลัยเทคโนโลยียานยนต์ โตโยต้าและมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี เพื่อพัฒนาหลักสูตรการศึกษาระดับปริญญาตรีด้านเทคโนโลยียานยนต์ ภายใต้ชื่อโครงการ “พัฒนาบุคลากรเชี่ยวชาญเทคโนโลยียานยนต์ Mobility Technologist” โดยเราเชื่อมั่นว่านักศึกษาที่จบจากโครงการนี้จะเป็นรากฐานสำคัญและช่วยพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ของประเทศไทยในอนาคตต่อไป

ทางด้านการดำเนินงานเพื่อสังคมที่ดียิ่งกว่า (Ever-Better Society) ผ่านเทคโนโลยีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โตโยต้าเริ่มต้นการเปิดสายการผลิตแบตเตอรี่รถยนต์ไฮบริด ที่โรงงานประกอบรถยนต์โตโยต้าเกตเวย์ในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ซึ่งเราพร้อมแล้วที่จะผลิตแบตเตอรี่เพื่อใช้ในรถยนต์ C-HR และ Camry รวมถึงรถยนต์ไฮบริดรุ่นใหม่ในอนาคต พร้อมทั้งโตโยต้ายังได้ริเริ่มโครงการ “การจัดการแบตเตอรี่ไฮบริดทั้งวงจรชีวิตของผลิตภัณฑ์” ในรูปแบบของการ Rebuilt Reuse และ Recycle หรือ 3R โดยนำเข้าเครื่องจักรเทคโนโลยีชั้นสูงจากประเทศญี่ปุ่นเพื่อใช้ในการดำเนินการ
สำหรับโครงการนี้เป็นการร่วมมือกันระหว่าง บริษัท โตโยต้า ทูโช (ไทยแลนด์) จำกัด บริษัท เด็นโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด และ บริษัท เวสท์ แมเนจเม้นท์ สยาม จำกัด และพร้อมที่จะเริ่มกระบวนการคัดแยกภายในเดือนหน้า โตโยต้าถือได้ว่าเป็นผู้ผลิตรถยนต์รายแรกที่เริ่มระบบการจัดการแบตเตอรี่ไฮบริดทั้งวงจรชีวิตของผลิตภัณฑ์ในประเทศไทย ทั้งนี้ไม่เพียงแต่ผู้ผลิตรถยนต์เท่านั้น แต่เรายังเปิดให้บริการกับลูกค้าทุกประเภทในอุตสาหกรรมอื่นๆด้วย เราเชื่อว่าโครงการดังกล่าวจะมีส่วนช่วยในด้านสิ่งแวดล้อม และสามารถทำให้ลูกค้าเป็นเจ้าของรถยนต์ไฮบริดได้ง่ายยิ่งขึ้น
* ค่าเฉลี่ยการดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ของพันธุ์ไม้ชายเลนยืนต้นโตเต็มที่ อยู่ที่ประมาณ 13 ตันต่อปี ต่อไร่ — อ้างอิงจาก ICLEI : International Council for Local Environment Initiatives – Local Governments for Sustainability (www.iclei.org) สภาสากลที่ว่าด้วยเรื่องของการพัฒนาเพื่อความยั่งยืน ประกอบด้วยสมาชิกที่เป็นหน่วยงานเพื่อสิ่งแวดล้อมมากกว่า 200 แห่ง จาก 43 ประเทศ
สำหรับโครงการโตโยต้าถนนสีขาว ตลอดระยะเวลา 30 ปีที่ผ่านมา เรามีความมุ่งมั่นในการส่งเสริมด้านความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน เพื่อนำไปสู่การสร้าง “สังคมคนขับรถดี” ผ่านกิจกรรมต่างๆ อาทิเช่น “หลักสูตรการขับขี่ปลอดภัย ประหยัดพลังงาน และรักษาสิ่งแวดล้อม” (Safe Eco Driving) ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีจากตัวแทนจำหน่ายประชาชน นักศึกษาและผู้ขับขี่รถสาธารณะ
โดยมีผู้เข้าร่วมโครงการมากกว่า 62,823 คน และเพื่อให้โครงการนี้ถูกขับเคลื่อนอย่างยั่งยืน เราจึงเปิด “ศูนย์พัฒนาศักยภาพผู้ขับขี่รถยนต์โตโยต้า” (Toyota Driving Skill Development Center) ที่ Toyota Driving Experience Park เพื่อพัฒนาและเพิ่มทักษะการขับขี่รถยนต์อย่างปลอดภัย
| ประมาณการปริมาณการจำหน่ายรถยนต์ เดือนมิถุนายน 2562 1.) ตลาดรถยนต์รวม ปริมาณการขาย 86,048 คัน ลดลง 2.1% |
| อันดับที่ 1 โตโยต้า | 28,925 คัน | เพิ่มขึ้น 4.0 % | ส่วนแบ่งตลาด 33.6 % |
| อันดับที่ 2 อีซูซุ | 13,215 คัน | เพิ่มขึ้น 2.1 % | ส่วนแบ่งตลาด 15.4 % |
| อันดับที่ 3 ฮอนด้า | 12,142 คัน | เพิ่มขึ้น 15.1 % | ส่วนแบ่งตลาด 14.1 % |
| 2.) ตลาดรถยนต์นั่ง ปริมาณการขาย 35,409 คัน ลดลง 4.6% |
| อันดับที่ 1 โตโยต้า | 9,732 คัน | ลดลง 5.6 % | ส่วนแบ่งตลาด 27.5 % |
| อันดับที่ 2 ฮอนด้า | 9,150 คัน | เพิ่มขึ้น 6.5 % | ส่วนแบ่งตลาด 25.8 % |
| อันดับที่ 3 มาสด้า | 4,055 คัน | ลดลง 23.3 % | ส่วนแบ่งตลาด 11.5 % |
| 3.) ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ ปริมาณการขาย 50,639 คัน ลดลง 0.2% |
| อันดับที่ 1 โตโยต้า | 19,193 คัน | เพิ่มขึ้น 9.7 % | ส่วนแบ่งตลาด 37.9 % |
| อันดับที่ 2 อีซูซุ | 13,215 คัน | เพิ่มขึ้น 2.1 % | ส่วนแบ่งตลาด 26.1 % |
| อันดับที่ 3 มิตซูบิชิ | 3,885 คัน | ลดลง 14.5 % | ส่วนแบ่งตลาด 7.7 % |
| 4.) ตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน* (Pure Pick up และ รถกระบะดัดแปลง PPV) ปริมาณการขาย 40,335 คัน เพิ่มขึ้น 0.3% |
| อันดับที่ 1 โตโยต้า | 17,229 คัน | เพิ่มขึ้น 15.7 % | ส่วนแบ่งตลาด 42.7 % |
| อันดับที่ 2 อีซูซุ | 11,853 คัน | ลดลง 0.1 % | ส่วนแบ่งตลาด 29.4 % |
| อันดับที่ 3 มิตซูบิชิ | 3,885 คัน | ลดลง 14.5 % | ส่วนแบ่งตลาด 9.6 % |
*ปริมาณการขายรถกระบะดัดแปลง ในตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน: 4,906 คัน
โตโยต้า 2,386 คัน – มิตซูบิชิ 1,148 คัน – อีซูซุ 735 คัน – ฟอร์ด 389 คัน – เชฟโรเลต 189 คัน– นิสสัน 59 คัน
| 5.) ตลาดรถกระบะ Pure Pick up ปริมาณการขาย 35,429 คัน ลดลง 0.7% |
| อันดับที่ 1 โตโยต้า | 14,843 คัน | เพิ่มขึ้น 15.2 % | ส่วนแบ่งตลาด 41.9 % |
| อันดับที่ 2 อีซูซุ | 11,118 คัน | เพิ่มขึ้น 1.6 % | ส่วนแบ่งตลาด 31.4 % |
| อันดับที่ 3 ฟอร์ด | 3,115 คัน | ลดลง 30.7 % | ส่วนแบ่งตลาด 8.8 % |
| ประมาณการสถิติการจำหน่ายรถยนต์ เดือนมกราคม – มิถุนายน 2562 |
| 1.) ตลาดรถยนต์รวม ปริมาณการขาย 523,770 คัน เพิ่มขึ้น 7.1% |
| อันดับที่ 1 โตโยต้า | 171,502 คัน | เพิ่มขึ้น 20.8 % | ส่วนแบ่งตลาด 32.7 % |
| อันดับที่ 2 อีซูซุ | 89,177 คัน | เพิ่มขึ้น 3.3 % | ส่วนแบ่งตลาด 17.0 % |
| อันดับที่ 3 ฮอนด้า | 64,699 คัน | เพิ่มขึ้น 8.1 % | ส่วนแบ่งตลาด 12.4 % |
| 2.) ตลาดรถยนต์นั่ง ปริมาณการขาย 206,540 คัน เพิ่มขึ้น 8.5% |
| อันดับที่ 1 โตโยต้า | 60,350 คัน | เพิ่มขึ้น 12.8 % | ส่วนแบ่งตลาด 29.2 % |
| อันดับที่ 2 ฮอนด้า | 48,889 คัน | เพิ่มขึ้น 5.6 % | ส่วนแบ่งตลาด 23.7 % |
| อันดับที่ 3 มาสด้า | 25,826 คัน | เพิ่มขึ้น 5.9 % | ส่วนแบ่งตลาด 12.5 % |
| 3.) ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ ปริมาณการขาย 317,230 คัน เพิ่มขึ้น 6.2% |
| อันดับที่ 1 โตโยต้า | 111,152 คัน | เพิ่มขึ้น 25.6 % | ส่วนแบ่งตลาด 35.0 % |
| อันดับที่ 2 อีซูซุ | 89,177 คัน | เพิ่มขึ้น 3.3 % | ส่วนแบ่งตลาด 28.1 % |
| อันดับที่ 3 ฟอร์ด | 26,883 คัน | ลดลง 17.5 % | ส่วนแบ่งตลาด 8.5 % |
| 4.) ตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน* (Pure Pick up และ รถกระบะดัดแปลง PPV) ปริมาณการขาย 258,375 คัน เพิ่มขึ้น 8.8% |
| อันดับที่ 1 โตโยต้า | 99,206 คัน | เพิ่มขึ้น 29.2 % | ส่วนแบ่งตลาด 38.4 % |
| อันดับที่ 2 อีซูซุ | 81,964 คัน | เพิ่มขึ้น 3.8 % | ส่วนแบ่งตลาด 31.7 % |
| อันดับที่ 3 ฟอร์ด | 26,882 คัน | ลดลง 15.8 % | ส่วนแบ่งตลาด 10.4 % |
โตโยต้า 14,400 คัน – มิตซูบิชิ 6,897 คัน – อีซูซุ 5,526 คัน – ฟอร์ด 3,497 คัน – เชฟโรเลต 1,746 คัน –นิสสัน 801 คัน
| 5.) ตลาดรถกระบะ Pure Pick up ปริมาณการขาย 225,508 คัน เพิ่มขึ้น 8.7% |
| อันดับที่ 1 โตโยต้า | 84,806 คัน | เพิ่มขึ้น 32.7 % | ส่วนแบ่งตลาด 37.6 % |
| อันดับที่ 2 อีซูซุ | 76,438 คัน | เพิ่มขึ้น 4.7 % | ส่วนแบ่งตลาด 33.9 % |
| อันดับที่ 3 ฟอร์ด | 23,385 คัน | ลดลง 15.0 % | ส่วนแบ่งตลาด 10.4 % |

