BMW Concept iX3 จากเทคโนโลยี BMW eDrive Gen 5

BMW Concept iX3 ถือเป็นการออกแบบที่เน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นของ BMW Group ในการเสริมสร้างความแข็งแกร่งในฐานะผู้นำในเรื่องรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า ที่ปราศจากการปล่อยมลพิษ ซึ่งก็จะดีไซน์ออกมาให้ควบคู่ไปกับการขับขี่แบบอัตโนมัติ โดยใช้การเชื่อมต่อระดับไฮเอนด์และบริการดิจิตอลใหม่ ๆ

BMW Concept iX3 ถือเป็นรุ่นที่ห้าของเทคโนโลยี BMW eDrive ซึ่งประโยชน์ที่สำคัญของเทคโนโลยี อีไดรฟ์ คือจะเป็นระบบไฟฟ้าในอนาคตที่ออกแบบให้มีอุปกรณ์ไฟฟ้าภายในให้ให้แยกต่างหากจากมอเตอร์ไฟฟ้า นอกจากนี้ระบบขับเคลื่อนไฟฟ้ารุ่นที่ห้ายังมีแบตเตอรี่ใหม่และมีประสิทธิภาพสูงมากขึ้น ซึ่งก็จะมีผลทำให้สมรรถนะทั้งของกำลังในการขับเคลื่อนที่เพิ่มขึ้น รวมถึงน้ำหนักตัวของรถยนต์ลดน้อยลงไปด้วย

การออกแบบที่โดเด่นด้านเทคโนโลยีของ BMW i มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาระบบขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้ารุ่นที่ห้าโดยให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ BMW i ว่าเป็นศูนย์รวมของต้นแบบที่มีการถ่ายโอนเทคโนโลยีระบบอีไดรฟ์ที่พัฒนาขึ้นมาสำหรับรถยนต์ BMW i ซึ่ง BMW Group ก็ได้แจ้งว่าสำหรับรถยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าทั้งหมดของ ค่าย ในอนาคตจะมีโลโก้ยี่ห้อ BMW i สิ่งนี้สามารถมองเห็นได้ในรถแนวคิดทั้งสองด้านทั้งด้านหน้าและด้านหลัง เทคโนโลยี BMW eDrive ในปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของระบบไดรฟ์ไฮบริดแบบปลั๊กอินที่เคยติดตั้งอยู่ใน BMW iPerformance models และ MINI Cooper S E Countryman ALL4 และตัว BMW Concept iX3 ก็เป็นส่วนหนึ่งของขั้นตอนในการพัฒนาที่ต่อเนื่องของเทคโนโลยีนี้ ในอนาคตของของรถ SAV ที่ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าก็จะได้รับประโยชน์จากเทคโนโลยีพื้นฐานจาก powertrain ของ BMW iNext ซึ่งมีแผนเอาไว่ว่าจะนำเสนอในปี พ.ศ. 2564

                BMWConcept iX3 ออกแบบเฟรมของเพลาล้อหลังที่พัฒนาขึ้นเป็นพิเศษและการดีไซน์แชสซีส์ที่ลงตัว

มีการออกแบบที่กะทัดรัด มอเตอร์ไฟฟ้าชุดเกียร์และอิเล็กทรอนิกส์กำลังถูกจัดอยู่ในกลุ่มเดียวทำให้เรียกพลังออกมาใช้ได้อย่างมีประสิทธืภาพขึ้น ส่วนการพัฒนาแบตเตอรี่รุ่นใหม่ ที่ให้พลังงานไฟฟ้ายาวนานขึ้น ก็ได้มาจาก ประสบการณ์ในรุ่นก่อนหน้าจาก BMW i

สำหรับเครือข่ายการผลิตรถยนต์ระหว่างประเทศของ BMW Group ได้รับการจัดตั้งขึ้นเพื่อให้มีความยืดหยุ่นสูงในกรณีนี้สำหรับการผลิตที่ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า ก็จะเป็นลักษณะของการประกอบในโรงงานลูก  ของกลุ่ม BMW ทั้ง 10 แห่งทั่วโลก แต่จะมีการนำเอาส่วนประกอบของ eDrive มาจาก 3 โรงงานเท่านั้นก็คือ โรงงาน Dingolfing ประเทศเยอรมนี โรงงาน Shenyang ในประเทศจีน และโรงงาน Spartanburg ในสหรัฐอเมริกา

ในรถยนต์รุ่นปัจจุบัน BMW X5 xDrive40e iPerformance จะมีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงราว 3.4 – 3.3 ลิตร / 100 กม. หรือราว 29-30 กม./ลิตร มีการใช้พลังงานไฟฟ้าขับเคลื่อนรวม: 15.4 – 15.3 กิโลวัตต์ชั่วโมง / 100 กม. การปล่อย CO2 รวม 78 – 77 กรัม /กม. เปิดตัวครั้งแรกในปี 2015 เป็นรุ่นไฮบริดปลั๊กอินหลักของแบรนด์ BMW รุ่นแรก และ BMW ActiveHybrid X6 ที่นำเสนอในปีพ. ศ. 2552 นี้เป็นรถ Sports Activity Coupe รุ่นแรกของโลกที่มีระบบขับเคลื่อนไฮบริด           โดยไม่มีการปล่อยมลพิษ ซึ่งรุ่นของมอเตอร์ไฟฟ้าเจนที่ห้าที่พัฒนาขึ้นสำหรับรถ  SAV โดยจะสร้างกำลังได้สูงสุดกว่า 200 กิโลวัตต์ / 270 แรงม้า ด้วยแบตเตอรี่แรงดันไฟฟ้าเฉพาะรุ่นที่มีความจุสุทธิมากกว่า 70 กิโลวัตต์ต่อชั่วโมงซึ่งเพียงพอที่จะทำให้ SAV เป็นแบบไฟฟ้ามีระยะทางมากกว่า 400 กิโลเมตร (249 ไมล์)

                คุณลักษณะอีกประการหนึ่งของแบตเตอรี่แรงดันไฟฟ้าที่พัฒนาขึ้นสำหรับเทคโนโลยี eDrive รุ่นที่ห้าคือความสามารถในการชาร์จที่ดีที่สุด ระบบจัดเก็บพลังงานมีชุดควบคุมการชาร์จใหม่ที่พัฒนาขึ้นใหม่และได้รับการออกแบบมาเพื่อเชื่อมต่อกับสถานีชาร์จเร็วที่มีกำลังการผลิต 150 กิโลวัตต์ แบตเตอรี่แรงดันไฟฟ้าสามารถชาร์จได้ภายใน 30 นาทีจากสถานี

                ตัวถังด้านหน้าติดตั้งสัญลักษณ์ของ BMW i โลโก้สีฟ้า ซึ่งถือเป็นตัวแทนของ BMW i Vision Dynamics การใช้กราฟิก BMW i Blue รอบ ๆ ก็ถือว่าเป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยบ่งบอกตัวตนของรถพลังงานไฟฟ้า กระจังหน้ารวมไปถึงกันชน ออกแบบให้ดูทันสมัยสมกับเป็นรถของอนาคต ตัวถังโดยรวมเหลี่ยมสันพอสวยงาม ล้ออัลลอยแบบใบพัด 5 แฉกที่เน้นมิติลึกดูสวยงามล้ำอนาคต

นอกเหนือจากการเปิดตัว BMW Concept iX3 และการพูดถึงระบบ BMW i Vision Dynamics ในกรุงปักกิ่งแล้วบีเอ็มดับเบิลยูกรุ๊ปยังเน้นย้ำถึงความแตกต่างด้านการออกแบบระหว่างแบรนด์ BMW และ BMW i การออกแบบภาพลักษณ์ของ BMW i Vision Dynamics เป็นการออกแบบที่วิศวกร พัฒนาขึ้นเฉพาะสำหรับโมเดล BMW i รูปลักษณ์ของรถ BMW i จะเป็นเครื่องหมายของโมเดลในอนาคต ซึ่งเราก็ต้องติดตามกันต่อไปว่าต้นแบบที่เราเห็นกันนี้จะสร้างออกมาใช้งานได้จริงมากน้อยขนาดไหน