e-Beetle เต่าไฟฟ้า

e-Beetle เต่าไฟฟ้า ยกเครื่องใหม่ในสไตล์ เต่าไฟฟ้า

e-Beetle เต่าไฟฟ้า คุณคิดยังไงถ้าจับเอา โฟล์คเต่า มายกเครื่อง คบหากับพลังงานไฟฟ้า จากกลิ่นอายความคลาสสิค ผสมผสานความทันสมัยของยานยนต์อนาคต หลายคนที่มีใจอนุรักษ์นิยม ก็คงร้องจนเสียงหลง นี่มัมไม่ใช่ตัวตนที่แท้จริงของคลาสสิคคาร์ระดับตำนาน กลายเป็นสิ่งไร้ค่าในวงการรถยนต์ย้อนยุคไปเสียฉิบ…

แต่สำหรับคนที่ชื่นชอบในเทคโนโลยี ความทันสมัย ความแปลกใหม่ และอาจได้เรื่องของใจที่อยากใช้รถช่วยลดมลพิษทางอากาศ คงจะมองต่างมุม เพราะนี่คือทางเลือกใหม่ กับสิ่งที่เรียกว่า “เทคโนโลยี” ที่ผสานกับความคลาสสิคของยนตรกรรมที่มีเอกลักษณ์อันโดดเด่น ได้อย่างน่าสนใจ อาจจะลงตัว หรือไม่ลงตัว ก็คงขึ้นอยู่กับมุมมองของผู้ที่พบเห็น แต่ก็ถือว่าไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะเทรนด์ของรถยนต์พลังงานไฟฟ้า ในปัจจุบันกำลังได้รับความนิยม การเซ็ตอัพระบบขึ้นมาใช้กับรถที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปทั่วไปมีตัวอย่างให้เห็นมากมาย แต่มันยังไม่ใช่กับ “โฟล์คเต่า”

โฉมเก่าในหัวใจใหม่จาก VW e-Up

อย่างไรก็ตามค่ายรถยนต์ VW ถือว่าเป็นผู้ผลิตรถยนต์รายล่าสุดที่สร้างมาตรฐานการแปลงต้นกำลังของรถยนต์คลาสสิคจากเครื่องยนต์สันดาปภายในมาเป็นรถยนต์พลังงานไฟฟ้า โดยตัวที่นำมาเป็นต้นแบบดังที่เราเห็นกันอยู่นี่ก็คือ Beetles รุ่นที่ได้ชื่อว่าเป็นคลาสสิค คาร์ ซึ่งค่าย VW ได้เปิดตัวต้นแบบตัวแรกก่อนงานแสดงยานยนต์นานาชาติ (IAA) ในแฟรงค์เฟิร์ตประเทศเยอรมนีที่ผ่านมาไม่นาน หลังจากปีที่แล้วจากัวร์ประกาศว่าได้นำ E-Type คลาสสิคกลับมามีชีวิตด้วยชุดแปลงไฟฟ้าแบบใหม่ที่ใช้เทคโนโลยี I-Pace ซึ่ง VW เองก็ได้ประกาศสิ่งที่คล้ายกันสำหรับ Beetles แบบคลาสสิคโดยใช้ระบบไฟฟ้า และการส่งกำลังที่ยกมาจากรถยนต์ไฟฟ้าตัวเล็กของค่าย โฟล์คสวาเก้น ก็คือตัว e-up 2020 รุ่นใหม่ล่าสุดนั่นเอง เรามาทำความรู้จักกับรถ VW e-Up ให้มากกว่าเดิมอีกนิด ในรุ่นเก่าเขาเรียกว่าเป็นตัว Up เวอร์ชั่นไฟฟ้า ที่เผยโฉมออกมาตามรุ่น โดยมีพื้นฐานเครื่องยนต์สันดาปภายในเป็นครั้งแรกในช่วงต้นปี 2014 ซึ่งช่วงนั้น e-Up! มีแบตเตอรี่แพ็คที่มีความจุ (หรือความสามารถในการจ่ายไฟต่อเนื่องใน 1 ชม.) เพียง 18.7 กิโลวัตต์ชม. ยังผลให้มันทำระยะทางวิ่งได้ราว 150 กม. ตามมาตรฐาน NEDC เดิมเท่านั้น และปัจจุบันมาตรฐาน NEDC ก็ไม่สัมพันธ์กับการใช้งานจริงในชีวิตประจำวันของยุโรปด้วย </