ปี 2020 หรืออีกราวสิบปีข้างหน้า เทคโนโลยียานยต์จะก้าวไกลไปมาก เนื่องจากการแข่งขันเพื่อให้สามารถตอบสนองความต้องการของผู้ใช้รถยนต์ที่ต้องการเห็นความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีมากยิ่งขึ้น การคิดค้นเทคโนโลยี และสร้างมาเพื่อใช้งานถือเป็นสิ่งสำคัญ แต่ที่สำคัญกว่านั้นคือการสร้างความเชื่อมั่นในการใช้แทคโนโลยีของลูกค้า ซึ่งเป็นโจทก์ที่ผู้ผลิตต้องแก้ให้ได้ สำหรับ Top 10 Advance Technologies ปี 2020 ก็ถือว่ามีให้เห็นในอนาคตแน่นอน แต่จะมาเมื่อไหร่ต้องรอชมกัน ทั้ง 10 เทคโนโลยีจะมีอะไรบ้างไปดูกันครับ
- Autonomous Vehicle ยานยนต์อิสระ ซึ่งก็มีความหมายตรงตัวสำหรับเทคโนโลยีนี้ เพียงแค่เราจัดการถอยรถออกจากที่จอดสู่ถนน รถจะจัดการขับเองโดยอัตโนมัติ ซึ่งเราทราบกันดีอยู่แล้วว่าในปัจจุบันมีเทคโนโลยีที่ช่วยในการขับรถโดยอัตโนมัติ แต่เราไม่ได้หมายถึงระบบ Cruise Control แต่เป็นระบบ Autonomous Vehicle อิสระเต็มรูปแบบ ซึ่งนั่นก็หมายความว่าระบบนี้จะสามารถใช้ได้ในสภาพถนนที่มีความชัดเจน และมีมาตรฐานตามที่ระบบต้องการนั่นเอง
- Driver Override System ระบบที่จะเข้ามาทำหน้าที่แทนผู้ขับขี่ ซึ่งระบบนี้เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยียานยนต์อิสระ แต่แตกต่างออกไปเนื่องจากเป็นรถที่ไม่สนใจคำสั่งของคุณและทำการตัดสินใจของตนเอง เทคโนโลยีปัจจุบันเราได้เห็นรถยนต์ที่จะเบรกอย่างกะทันหันให้เองโดยอัตโนมัติ ถ้าคุณไม่สามารถใช้เบรกได้เมื่อมีโอกาสจะชนรถคันหน้า แต่ในปี 2020 รถยนต์จะใช้เบรกเองตามความคิดและความปลอดภัย แม้ว่าคนขับจะอยากเหยียบคันเร่ง เพื่อเพิ่มความเร็ว แต่เทคโนโลยีนี้จะให้เซ็นเซอร์สั่งการมายังกล่องคอมพิวเตอร์ เพื่อควบคุมระบบต่างๆ ให้มีการเปลี่ยนแปลงไปตามลำดับความสำคัญ ทำให้สุดท้ายผู้ที่ตัดสินใจในเรื่องของการขับขี่เป็นรถ ไม่ใช่ตัวคุณ
- Biometric Vehicle Access ระบบนี้อาจไม่ใช่เรื่องใหม่ สำหรับการเริ่มต้นใช้รถยนต์ ซึ่งหมายรวมทั้งการเปิดประตูเข้าในรถ การสตาร์รถยนต์ การล็อครถยนต์ แต่ปัจจุบันก็ยังไม่ครอบคลุมทั้งหมด ยังต้องอาศัยกุญแจในการส่งสัญญาณ ซึ่งก็ยังต้องมีความยุ่งยากในการดูแลรักษา แต่ในปี 2020 จะมีการเป,ยนแปลงหรือพัฒนาขึ้นมาอีกขั้น โดยคุณจะสามารถปลดล็อกและเริ่มต้นสตาร์ทรถได้โดยไม่ต้องมีอะไรมากไปกว่าลายนิ้วมือ หรืออาจจะเป็นลูกตาของคุณ แต่เขาก็บอกว่าเครื่องอ่านลายนิ้วมือมีแนวโน้มมากกว่าเครื่องสแกนม่านตา รวมไปถึงเรื่องของการสั่งการด้วยเสียง ซึ่งแนวคิดนี้ก็มาจากการรักษาความปลอดภัยที่ใช้กันอยู่บนโทรศัพท์มือถือนั่นเอง
- Comprehensive Vehicle Tracking ระบบนี้ จะเป็นในส่วนที่อาจจะนำมาใช้ในเรื่องของการประกันภัย ซึ่งเป็นการติดตามยานพาหนะแบบครอบคลุม โดย บริษัท ประกันภัยและรัฐบาลของรัฐบางแห่งในอเมริกา มีการพูดถึงค่าธรรมเนียมต่างๆแล้วแต่จำนวนคนขับรถกี่ไมล์ ในปี 2020 บริษัท ประกันภัยจะเสนออัตราที่ลดลงสำหรับผู้ขับขี่ที่เห็นด้วยกับการติดตามพฤติกรรมของพวกเขาอย่างเต็มรูปแบบ ระบบการจำกัดผู้ใช้มีให้เห็นแล้วในบ้านเรา ส่วนการจำกัดระยะทางยังไม่เห็น ซึ่งระบบนี้น่าจะเป็นเรื่องของความสมัครใจมากกว่าการบังคับเป็นมาตรฐานเดียวกัน
- Active Window Displays เป็นระบบที่มีการพัฒนาในเรื่องของจอแสดงผลที่สำคัญต่างๆ เน้นในส่วนใช้งานขณะขับรถ ซึ่งจะแสดงผลให้เห็นที่กระจกหน้ารถโดยที่เราไม่ต้องละสายตามามองในส่วนอื่น ซึ่งในที่นี้ก็จะมีเทคโนโลยี Head-Up Display (HUD) ที่มีการพัฒนามาไกลจากจอดิจิตอลตัวเลขสีเขียว ซึ่งเป็นเทคโนโลยีเมื่อ 20 ปีก่อน แต่ระบบ HUD ก็ปรับใหม่ในปี 2015 นำมาฉายบนกระจกหน้าแล้ว แต่สำหรับปี 2020 เราจะเห็นกระจกหน้าที่ใช้งานได้มากขึ้น ซึ่งสามารถแสดงภาพที่สดใสชัดเจนตัวอย่างเช่นระบบนำทางที่สามารถเห็นวิวถัดไปได้ เช่นเดียวกับมุมมองของคุณผ่านกระจกหน้ารถ แต่ก็ต้องมี การออกแบบให้ใช้งานง่าย และไม่บดบังทัศนะวิสัยในการขับรถด้วย
- Remote Shutdown Vehicle เทคโนโลยีนี้มีอยู่แล้วแต่อาจไม่ได้ใช้แพร่หลายนัก ในสหรัฐอเมริกา บริษัท OnStar ซึ่งเป็น บริษัท ในเครือของ General Motors ทำงานเกี่ยวกับให้การ สื่อสาร แบบสมัครสมาชิก การรักษาความปลอดภัยในรถยนต์ใช้ประโยชน์จากระบบนี้เป็นประจำ โดยทำงานร่วมกับ บริษัท telematics ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ได้ปิดระบบของรถยนต์หลายร้อยคันที่ถูกโจรกรรม ทำให้ตำรวจทำงานได้อย่างรวดเร็วและมีการสูญเสียน้อย ภายในปี 2020 การปิดรถระยะไกลจะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของระบบรักษาความปลอดภัยของรถเพื่อปิดช่องทางทำมาหากิจของมิจฉาชีพอย่างมีประสิทธิภาพ
- Active Health Monitoring เป็นเทคโนโลยีที่ช่วยชีวิตคนได้อีกทาง ไม่ได้เกี่ยวกับตัวรถ แต่เกี่ยวข้องกับสุขภาพร่างกายของผู้ขับ โดยการตรวจสอบสุขภาพของผู้ใช้รถ ซึ่งระบบนี้ บริษัท Ford ได้ทดลองใช้เข็มขัดนิรภัยหรือเซ็นเซอร์บนวงพวงมาลัยรถเพื่อติดตามสถิติที่สำคัญนี้ แต่หลายคนอาจมองว่า อุปกรณ์อื่นๆ ก็มีความสามารถในการตรวจสุขภาพของผู้ขับได้อยู่แล้วในรถอาจไม่จำเป็น แต่ผู้คิดมองข้ามไปอีกขั้นว่า ระบบนี้อาจทำงานร่วมกับเทคโนโลยีอิสระขั้นพื้นฐาน โดยที่รถสามารถตรวจสอบและเรียกแพทย์หรือกู้ภัยฉุกเฉินได้ในทันทีเมื่อผู้ขับขี่มีอาการหัวใจวาย
- Four-Cylinder Supercar ฟอร์ดเพิ่งโชว์ตัว GT ซุปเปอร์คาร์ ใหม่ที่ใช้เครื่องยนต์ V6 แบบเทอร์โบคู่แม้ว่าเครื่องยนต์ V6 ที่เรียกแรงม้าออกมาได้ถึง 600 ตัวจะออกแบบให้มีน้ำหนักเบา ตัวถังเป็นคาร์บอนไฟเบอร์ ช่วยลดน้ำหนักของตัวรถอีกทาง แต่ในปี 2020 เราจะเห็นรถซูเปอร์คาร์รุ่นแรกที่มีกำลังแรงทำความเร็วได้เกิน 200 ไมล์/ชม. จากเครื่องยนต์แถวเรียงสี่สูบเท่านั้น
- Smart/Personalized In-Car Marketing การตลาดในรถยนต์อัจฉริยะ แบบ ส่วนบุคคล – คุณได้รับโฆษณาบน Facebook, Twitter และ E-mail ตามพฤติกรรมของคุณแล้ว ในปี 2020 รถส่วนใหญ่จะเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตอย่างสมบูรณ์ซึ่งหมายความว่ารถของคุณจะมีการพัฒนาระบบให้นักการตลาดมีรูปแบบการทำงานที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
- able Body Panels กำหนดรูปแบบใหม่ของรถ ก็มีโอกาสที่จะเป็นไปได้ในปี 2020 เช่นกัน เช่น รถ SUV ขนาดเล็ก ซึ่งกำลังเป็นที่นิยมอย่างยิ่ง แต่ก็อย่างลืมว่าในปัจจุบันยอดขายรถกระบะก็ยังเป็นเจ้าตลาด ในเมืองนอกยอดการจำหน่ายรถอาจจะสวนทางกับเรา แต่ถ้ามีความต้องการรถทั้งสองประเภทผู้ออกแบบอาจมีการรวมร่าง เพื่อการใช้งานที่เอนกประสงค์ขึ้น ในบ้านเรามีให้เห็นหลายรุ่น ส่วนในอเมริหาตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจนก็คือ ไครสเลอร์ minivan stow-and-go ออกแบบให้มีที่นั่ง และปรับมาขนสัมภาระชิ้นใหญ่ได้สบายๆ