กองทุนฮอนด้าเคียงข้างไทย ส่งมอบนวัตกรรมหน้ากากแรงดันลบและบวก

กองทุนฮอนด้าเคียงข้างไทย ส่งมอบนวัตกรรมหน้ากากแรงดันลบและบวก ฝีมือทีมวิศวกรฮอนด้า

และเครื่องพ่นยาฆ่าเชื้อ โดยมีกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานรับมอบ

ก่อนกระจายสู่ 77 จังหวัดทั่วประเทศ ในเดือน ก.พ. 2564

กองทุนฮอนด้าเคียงข้างไทย นำโดย นายพิทักษ์ พฤทธิสาริกร (ที่สี่จากขวา) กรรมการผู้จัดการกองทุนฮอนด้าเคียงข้างไทย และนายวรพจน์ พรประภา (ที่สามจากขวา) กรรมการกองทุนฮอนด้าเคียงข้างไทย ส่งมอบนวัตกรรมหน้ากากแรงดันลบและบวก ซึ่งออกแบบและผลิตโดยทีมวิศวกรของฮอนด้า พร้อมด้วยเครื่องพ่นยาฆ่าเชื้อ ให้แก่กระทรวงสาธารณสุข โดยมีนายอนุทิน ชาญวีรกูล (กลาง) รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานรับมอบ นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต (ที่สี่จากซ้าย) ปลัดกระทรวงสาธารณสุข นพ.ณรงค์ สายวงศ์ (ที่สามจากซ้าย) รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ (ที่สองจากซ้าย) อธิบดีกรมควบคุมโรค พร้อมด้วย ผศ.นพ.อนุแสง จิตสมเกษม (ที่สองจากขวา) รองคณบดีคณะแพทยศาสตร์วชิรพยาบาล มหาวิทยาลัยนวมินทราธิราช และ ดร.กนิษฐ์ ตะปะสา (ซ้ายสุด) ผู้อำนวยการกองวัสดุวิศวกรรม กรมวิทยาศาสตร์บริการ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม ณ กระทรวงสาธารณสุข เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2564 ก่อนที่จะกระจายส่งมอบนวัตกรรมหน้ากากแรงดันลบและบวก จำนวน 1,000 ชิ้น และเครื่องพ่นยาฆ่าเชื้อ จำนวน 100 เครื่อง รวมมูลค่า
40 ล้านบาท
ผ่านเครือข่ายผู้จำหน่ายรถยนต์และรถจักรยานยนต์ฮอนด้าไปยัง 77 จังหวัดทั่วประเทศต่อไป

วิดีโอ

“แรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์นวัตกรรมหน้ากากแรงดันลบและบวก ของกองทุนฮอนด้าเคียงข้างไทย”

ลิงค์: https://youtu.be/L_IqR0Egkhk

วิดีโอประกอบข่าว

“กองทุนฮอนด้าเคียงข้างไทย ส่งมอบนวัตกรรมหน้ากากแรงดันลบและบวก และเครื่องพ่นยาฆ่าเชื้อ”

ลิงค์: https://youtu.be/nhXSe_X6rA8

กองทุนฮอนด้าเคียงข้างไทย ภายใต้มูลนิธิฮอนด้าประเทศไทย ร่วมกับกลุ่มบริษัทฮอนด้าในประเทศไทย ส่งมอบนวัตกรรมหน้ากากแรงดันลบและบวก ซึ่งเป็นหน้ากากทางการแพทย์ที่สามารถปรับการใช้งานได้ 2 รูปแบบภายในชิ้นเดียว โดยปรับเป็นแรงดันลบเพื่อใช้ในการเคลื่อนย้ายผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 และปรับเป็นแรงดันบวกเพื่อป้องกันและช่วยให้บุคลากรทางการแพทย์หายใจสะดวก เพื่อดูแลผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 ได้นานขึ้น โดยได้นำเทคโนโลยีฟิลเตอร์ HEPA ระดับ H14 ที่สามารถกรองได้ละเอียดถึง 0.3 ไมครอน และนำระบบ Microcontroller มาใช้ในการควบคุม speed ของพัดลม อีกทั้งแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน ที่มีน้ำหนักเบา ทำให้สามารถใช้งานได้ต่อเนื่องนานถึง 4 – 6 ชั่วโมง พร้อมด้วยเครื่องพ่นยาฆ่าเชื้อ ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ในกลุ่มเครื่องยนต์อเนกประสงค์ของฮอนด้า โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเป็นประธานในการรับมอบ ก่อนเดินหน้าผนึกกำลังเครือข่ายผู้จำหน่ายรถยนต์และรถจักรยานยนต์ฮอนด้าทั่วประเทศ เพื่อส่งมอบนวัตกรรมหน้ากากแรงดันลบและบวก จำนวน 1,000 ชิ้น พร้อมเครื่องพ่นฆ่าเชื้อ จำนวน 100 เครื่อง รวมมูลค่า 40 ล้านบาท ไปยังโรงพยาบาลใน 77 จังหวัดทั่วประเทศต่อไป ในเดือนกุมภาพันธ์ 2564

นายพิทักษ์ พฤทธิสาริกร กรรมการผู้จัดการกองทุนฮอนด้าเคียงข้างไทย กล่าวว่า “จากความสำเร็จในการพัฒนาเตียงเคลื่อนย้ายผู้ป่วยแบบแรงดันลบ เมื่อปีที่ผ่านมา ทีมวิศวกรของฮอนด้ายังคงเดินหน้าคิดต่อยอดการพัฒนาเพื่อช่วยเหลือสังคมไทยอย่างต่อเนื่อง จนได้ริเริ่มพัฒนาโดยอ้างอิงต้นแบบหน้ากากแรงดันลบของวิทยาลัยพัฒนาชุมชนเมือง มหาวิทยาลัยนวมินทราธิราช และในวันนี้ สามารถพัฒนานวัตกรรมหน้ากากแรงดันลบและบวกได้สำเร็จ โดยผลการทดสอบการรั่วซึมเข้า (Inverse Leakage)จากกรมวิทยาศาสตร์บริการ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม และการทดสอบการใช้งานแรงดันลบ จากคณะแพทยศาสตร์วชิรพยาบาล มหาวิทยาลัยนวมินทราธิราช อยู่ในเกณฑ์ที่ดีมาก สามารถนำไปใช้งานทางการแพทย์ได้ ฮอนด้ารู้สึกภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่พนักงานของเรามีจิตใจที่มุ่งมั่นในการทำประโยชน์เพื่อสังคม และทางกองทุนฮอนด้าฯ ก็พร้อมที่จะสนับสนุนอย่างเต็มที่ ซึ่งการบริจาคในครั้งนี้ ทางกองทุนฮอนด้าฯ จะผนึกกำลังกับเครือข่ายผู้จำหน่ายรถยนต์และรถจักรยานยนต์ฮอนด้า เพื่อส่งมอบให้แก่โรงพยาบาลทั่วประเทศต่อไป ทั้งนี้ เมื่อรวมการบริจาคเมื่อปีที่ผ่านมาและล่าสุดในครั้งนี้ ทางกองทุนฮอนด้าฯ ได้ร่วมต้านภัยโควิด-19 รวมงบประมาณแล้วกว่า80 ล้านบาท ซึ่งมาจากเงินสมทบจากการซื้อรถจักรยานยนต์ รถยนต์ และเครื่องยนต์อเนกประสงค์ผมต้องขอขอบคุณลูกค้าฮอนด้าทุกท่านที่มีส่วนร่วมในการช่วยเหลือสังคมในครั้งนี้”

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า “สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศไทยระลอกใหม่ มีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้บุคลากรทางการแพทย์ต้องทำงานหนักขึ้นและเสี่ยงต่อการติดเชื้อมากขึ้น อุปกรณ์ทางการแพทย์ในการป้องกันการติดเชื้อและลดความเสี่ยงในการแพร่กระจายเชื้อจึงมีความจำเป็นอย่างมาก ต้องขอขอบคุณทางกองทุนฮอนด้าเคียงข้างไทย อีกหนึ่งตัวแทนภาคเอกชนที่ดำเนินธุรกิจและอยู่เคียงข้างสังคมไทย รวมถึงความร่วมมือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในทุกภาคส่วนที่ได้ร่วมแรงร่วมใจในการพัฒนาและผลิตนวัตกรรมหน้ากากแรงดันลบและบวก นับเป็นมิติใหม่ของอุปกรณ์การแพทย์ที่ก้าวล้ำไปอีกขั้นที่คิดค้นได้โดยวิศวกรชาวไทยเพื่อคนไทย ซึ่งสามารถป้องกันการติดเชื้อและแพร่เชื้อที่มีประสิทธิภาพ โดยนวัตกรรมนี้ สามารถใช้งานได้จริงและเป็นประโยชน์ต่อวงการแพทย์ และจะเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยให้บุคลากรทางการแพทย์และชาวไทยผ่านพ้นสถานการณ์โควิด-19 ในครั้งนี้ไปได้ด้วยดีในเร็ววัน”

นายณัฐชนน สายธนู ตัวแทนทีมวิศวกรจิตอาสา บริษัท ฮอนด้าออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “จากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่เกิดขึ้น ผมและทีมได้ติดตามข่าว และคิดว่าโรคนี้คงยังไม่หายไปจากเราง่ายๆ ทางทีมจึงคิดอย่างต่อเนื่องที่จะช่วยเหลือทีมแพทย์และผู้ป่วยให้ได้มากที่สุด จากเตียงเคลื่อนย้ายผู้ป่วยแบบแรงดันลบที่พวกเราพัฒนาและผลิตได้สำเร็จไปเมื่อเดือนพฤษภาคม 2563 ที่ผ่านมา และใช้งานกับผู้ป่วยเป็นหลัก จึงได้คิดต่อยอดนวัตกรรมให้สามารถตอบโจทย์ได้ทั้งบุคลากรทางแพทย์และผู้ป่วย โดยต้องใช้งานง่ายและสะดวกมากยิ่งขึ้น และโชคดีที่ทางกองทุนฮอนด้าฯ ให้การสนับสนุน จากร่างกระดาษจึงกลายมาเป็นนวัตกรรมหน้ากากแรงดันลบและบวกที่ใช้งานได้จริง โดยปรับใช้เป็นหน้ากากแรงดันบวกสำหรับแพทย์หรือบุคลากรทางการแพทย์ สามารถสวมใส่ขณะทำงานได้อย่างสะดวกสบายนานถึง 4 – 6 ชั่วโมง และสามารถปรับแรงดันเป็นลบเพื่อใช้ในการเคลื่อนย้ายผู้ป่วย พวกเรามีความภูมิใจที่นวัตกรรมนี้ จะได้เป็นส่วนหนึ่งและได้ใช้งานในสถานการณ์การแพร่ระบาดครั้งนี้ด้วย”

ทั้งนี้ นวัตกรรมหน้ากากแรงดันลบและบวก ได้เริ่มเดินสายการผลิต ณ โรงงานผลิตรถยนต์ฮอนด้าจ.พระนครศรีอยุธยา โดยจะแล้วเสร็จและพร้อมส่งมอบไปยังทั่วประเทศ ตั้งแต่ช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์นี้เป็นต้นไป สำหรับสถานการณ์ของไวรัสโควิด-19 ระลอกใหม่ ที่คนไทยกำลังเผชิญอยู่ กองทุนฮอนด้าเคียงข้างไทยขอส่งกำลังใจให้กับบุคลากรทางการแพทย์และคนไทยทุกคนในการก้าวผ่านสถานการณ์ที่ยากลำบากนี้ไปด้วยกัน โดยกองทุนฮอนด้าฯ พร้อมที่จะยืนหยัดอยู่เคียงข้างคนไทย เพื่อช่วยเหลือ แบ่งปัน และสร้างความสุขให้กับคนไทยตลอดไป