ทดสอบ All New Mazda3

ทดสอบ All New Mazda3 ความน่าใช้กับหลายสิ่งที่คุณต้องรู้

การเดินทางด้วยรถยนต์คุณภาพ เริ่มต้นขึ้นอีกครั้งกับการ ทดสอบ All New Mazda3 ถือเป็นรถที่เปิดตัวออกมา พร้อมเทคโนโลยี และเรื่องราวการออกแบบที่น่าสนใจ หลังจากที่ เผยโฉมออกมาให้เห็น ก่อนหน้านี้ ไม่นานนัก เราก็มีโอกาสได้ทดลองขับ All New Mazda3 ในรูปแบบของการใช้งานจริง ระยะทางไกลกว่า 240 กม. ทั้งในรูปแบบของ Fast Back 5 ประตู และ Sedan 4 ประตู มาดูกันว่า ความน่าใช้กับหลายสิ่งที่คุณต้องรู้จะมีอะไรให้ชมกันบ้าง

All New Mazda3 กับการเดินทางที่ท้าทาย

สำหรับเส้นทางที่ถือว่าท้าทาย ในการ ทดสอบ All New Mazda3 ก็คือจากจังหวัดภูเก็ต เข้าสู่จังหวัดพังงาแล้วย้อนกลับมาภูเก็ต โดยใช้ทางหลวงหมายเลข 4 หลังจากที่ข้ามสะพาน สารสิน วิ่งผ่านอุทยานแห่งชาติเขาหลักลำรู่ ไปแวะ จิบกาแฟ กันที่ร้าน At Heart Coffee Restaurant สำหรับการเดินทาง ในช่วงแรกนี้มีระยะทางทั้งสิ้น 88 กิโลเมตร สภาพเส้นทางส่วนใหญ่ เส้นทางเขา สลับพื้นราบ มีบางช่วงที่ถนน กำลังก่อสร้าง ซึ่งแน่นอนว่านี่จะเป็นบทพิสูจน์หนึ่ง สำหรับช่วงล่างของ All New

 

สำหรับการเดินทางในช่วงที่ 2 เรามุ่งหน้าสู่จังหวัดพังงา แล้วมาแวะพัก เปลี่ยน ผู้ขับ อีกทีที่ ปั๊มน้ำมัน ระยะทาง สำหรับการจัดการเดินทางในช่วงที่ 2 นี้ราว 81 กิโลเมตร เส้นทางส่วนใหญ่ ก็ยังคงเป็น เส้นทางที่คดเคี้ยว ตามสภาพพื้นที่ของจังหวัดพังงา

สำหรับการเดินทางในช่วงที่ 3 เราเดินทางกันไปที่ จุดชมวิวเสม็ดนางชี ระยะทาง 36 กิโลเมตร แวะพักชมวิวที่ถือว่าเป็นอันซีนของ ประเทศไทยแห่งใหม่ ขณะชื่นชมทัศนียภาพอันสวยงาม บนจดบนจุดชมวิว เสม็ดนางชี ซึ่งด้านหลังก็คือ ภาพอันสวยงามของอุทยานแห่งชาติอ่าวพังงา

เป็นที่น่าเสียดายเล็กน้อย เนื่องจากว่าวันที่เราไปกันนั้น ฟ้าเปิดได้ไม่นาน ก็มีพายุฝนกระหน่ำ ทำให้วิวดูไม่สดใสนัก แต่ก็ถือได้ว่า เป็นอีกหนึ่ง บรรยากาศของการเดินทาง ซึ่งการเดินทางในช่วงนี้ ล่าช้าไปตาม พายุฝนที่ ตกลงมา

คิดในทางที่ดี เราจะได้สภาพเส้นทาง ที่หลากหลายมากยิ่งขึ้นโดยเฉพาะอย่างยิ่ง หลังจากที่ฝนตกแล้ว ความโค้งของถนนยังเหมือนเดิม ที่เพิ่มเติมก็คือเปียกและลื่นมากกว่า เก่า อย่างไรก็ตาม การเดินทางในช่วงสุดท้าย จากจุดชมวิวเสม็ดนางชี ไปจนถึง โรงแรมเรเนซองภูเก็ต ระยะทางเพียงแค่ 35 กิโลเมตร ซึ่งรวมแล้ว เราขับ และใช้เวลาอยู่บน All New Mazda 3 มากกว่า 240 กิโลเมตร เกือบตลอดทั้งวัน

4 ประตู หรือ 5 ประตูก็อยู่ที่ความชอบ

ก่อนจะไปรับรู้เกี่ยวกับเรื่องของการขับขี่ และความน่าสนใจของทั้งสมรรถนะและช่วงล่าง เรามาทบทวน เรื่องของการออกแบบและการพัฒนา รถยนต์ All New Mazda3 ซึ่งงานนี้เรามีโอกาสได้ลองทั้งรุ่น ที่เรียก ฟาสต์แบ็ค 5 ประตู และซีดาน ในสไตล์เก๋ง 4 ประตู

แนวคิดการออกแบบรถ Fast Back เองก็จะมุ่งเน้นไปที่การสร้างรถที่ดูแข็งแกร่งและมีเสน่ห์ดึงดูด ซึ่งถือเป็นการออกแบบที่สดใหม่สไตล์ Fast Back ด้านข้างของตัวถังเส้นสายแสดงออกถึงความมีชีวิตชีวา น่าจะโดนใจวัยรุ่นมากกว่าสไตล์ของเก๋ง มาดูในส่วนของการออกแบบรถซีดาน จะมีดีไซน์ที่สอดคล้องกับสไตล์ซีดานแบบดั้งเดิมโดยมีฝากระโปรงหน้าห้องโดยสารและปรับปรุงท้ายเป็นองค์ประกอบ 3 อย่างที่ชัดเจน ซึ่งโดยรวมแล้วก็จะเน้นในเรื่องของความโฉบเฉี่ยวหรูหราสง่างาม นั่นเอง

สิ่งหนึ่งเราก็ต้องยอมรับว่าการออกแบบของ Mazda ไม่ว่าจะเป็นรุ่นไหน ในโฉมที่เป็นปัจจุบันและอนาคต จะเน้นในเรื่องของสไตล์ที่เรียบหรูเป็นสำคัญ บุคลิกที่โดดเด่นของ All New Mazda3 ก็คือการปรับเปลี่ยนรูปแบบของพื้นผิวด้านข้างตัวถัง ให้ดูเรียบง่ายตามแสงที่สะท้อนพื้นผิว

ลักษณะเฉพาะที่โดดเด่นอีกอย่างก็คือการออกแบบกระจังด้านหน้าให้อยู่ในระดับที่ต่ำลง ซึ่งจะเพิ่มการไหลลื่นและความสวยงามให้กับสัดส่วนของรถมากขึ้น นอกจากนี้ขอบซุ้มล้ออย่างถูกพับเก็บจนสุด การสร้างรูปแบบใหม่นี้ช่วยให้ยางดูเต็มซุ้มล้อด้านนอกมากขึ้นลดช่องว่างระหว่างยางและซุ้มล้อเพื่อเน้นรูปลักษณ์ที่ทันสมัยของรถ

การออกแบบโคมไฟที่เป็นสัญลักษณ์ของ All New Mazda3 ตาม Style Kodo Design สอดคล้องกับธีมเรียบง่ายแต่งดงาม การลดองค์ประกอบของโคมไฟให้เหลือน้อยที่สุดเท่าที่จำเป็น โดยไฟหน้าของ All New Mazda3 ใช้รูปแบบแสงรูปวงแหวนที่เรียบง่ายตรงกลางเน้น การส่องสว่าง ส่วนด้านข้าง ดูมีเส้นชัดเจน และมีมิติ ลึก สำหรับไฟท้าย เป็นไฟ 4 ดวงพร้อมกับการไล่ระดับแสง ซึ่งออกแบบให้มีลักษณะลำแสงพุ่งไปทางด้านหน้า

การออกแบบภายในยังคง “เรียบง่ายแต่งดงาม”

ภายใน เน้นความสะดวกสบายภายใต้หลักการ เรียบง่ายแต่งดงาม พื้นที่ของคนขับออกแบบให้ดูเรียบง่าย มีการจัดวางแบบสมมาตรและวางในแบบแนวนอนเพื่อการกำจัดองค์ประกอบที่ไม่จำเป็นออกไป พวงมาลัยหน้าปัดแบบ 3 มาตรวัด และช่องปรับลมระบายอากาศที่ลงตัว นอกจากนี้ยังเน้นที่การประยุกต์ใช้แนวคิด จุดนำสายตาซึ่งใช้กับ Mazda3 รุ่นก่อนหน้าก้านพวงมาลัยที่ตำแหน่ง 6 นาฬิกานั้น ดูเหมือนจะแคบลง และตั้งตรงขึ้น

ในขณะที่หน้าปัดด้านขวาและด้านซ้ายของมาตรวัดหันเข้าด้านในเพื่อให้หน้าจอตรงกับหน้าของคนขับ สีภายในนั้น ไม่ว่าจะเป็นรุ่น 4 ประตูหรือ 5 ประตู เขาจะเลือกใช้เป็นหนังสีดำด้าน ด้วยเหตุผลที่ว่าเพื่อลดการสะท้อนของแสงที่เข้ามาตกกระทบสายตานั่นเอง

สิ่งที่ Mazda ให้ความสำคัญ สำหรับการออกแบบ All New Mazda3 ตัวใหม่นี้อีกประการก็คือ การออกแบบเบาะนั่งเพื่อรองรับกระดูกเชิงกราน ให้เหมาะสมกับตำแหน่งแป้นเหยียบ รวมทั้งการปรับเบาะนั่งและการบังคับพวงมาลัย โดยมีการเพิ่มการปรับตั้งระยะเข้าหาผู้ขับมากขึ้นอีกถึง 10 mm รวมเป็น 70 mm

นอกจากนี้ยังเพิ่มฟังก์ชันการปรับความลาดชันของเบาะนั่งด้านหน้า มาให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐานอีกด้วย ทำให้ การปรับความเบาะนั่ง รองรับต้นขาของผู้ขี่ได้อย่างเหมาะสมมากยิ่งขึ้น ซึ่งก็จะเกี่ยวข้องกับกระดูกเชิงกราน จะได้อยู่ในตำแหน่งตั้งตรงอย่างมั่นคง ตามที่วิศวกรของมาสด้า ตั้งใจ

สำหรับรายละเอียดในการออกแบบของ All New Mazda 3 นั้นมีค่อนข้างเยอะ ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของการออกแบบสวิตช์บนพวงมาลัย เรื่องของทัศนวิสัยและมุมมองที่ช่วยให้ผู้ขับขี่มีสมาธิในการขับขี่การลดจุดบอดต่างๆทั้งซ้ายและขวาผ่านกระจกหน้ารถ การเพิ่มการรับรู้ระยะทางและความเร็ว รวมไปถึงเรื่องของ Mazda Connect ระบบเชื่อมต่อรถยนต์ที่ใช้งานในรุ่นนี้ถือว่าง่ายกว่าเดิม ซึ่งจะเป็นการใช้งานสมาร์ทโฟนอินเทอร์เน็ตและการเชื่อมต่อ ที่มีข้อมูลมากยิ่งขึ้น

เราอาจจะไม่ได้เล่นกันครบทุกระบบ แต่สิ่งหนึ่งที่ถือว่าโดดเด่น แล้วถูกชื่นชม ก็คือเรื่องของระบบเสียง คุณภาพสูง ซึ่งมาสด้าเอง มีประสบการณ์ในเรื่องของ การจัด วางตำแหน่งของลำโพง การออกแบบ ความชัดเจน ในเรื่องของเสียงได้อย่างถูกต้องสมบูรณ์ จากรุ่นก่อนๆ มาเป็นอย่างดี

ซึ่งในรุ่นใหม่นี้ใช้ระบบเครื่องเสียงแบบมาตรฐาน 8 ลำโพงและระบบเสียงของ Bose รอบทิศทาง 12 ลำโพง งานนี้ นอกเหนือจากจะสนุกสนานกับการขับขี่แล้วยังเพลิดเพลินกับพลังเสียง ตลอดการเดินทางอีกด้วย

เครื่องยนต์ Skyactive-G 2.0 ลิตร ขับสนุกลงตัว

มาถึงเครื่องยนต์สกายแอคทีฟ G Generation ใหม่ เป็นเครื่องยนต์เบนซินขนาด 2.0 ลิตร สร้างแรงม้าสูงสุดถึง 165 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 213 นิวตันเมตร ที่ 4,000 รอบต่อนาที ใช้น้ำมันได้ตั้งแต่อี 85 ไปจนถึงออกเทน 95 ที่น่าสนใจก็คือ ค่าการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ในรุ่นใหม่นี้ เพียงแค่ 149 กรัมต่อกิโลเมตรเท่านั้น

ซึ่งทางมาสด้าเขาก็บอกว่าส่วนหนึ่งได้มาจากการปรับเปลี่ยนเรื่องของหัวฉีดใหม่ ซึ่งมีการฉีดที่เป็นฝอยละอองมากยิ่งขึ้น การจุดระเบิดที่สมบูรณ์มากยิ่งขึ้นทำให้การเผาไหม้ใน ห้องเผาไหม้ หมดจดกว่าเดิมปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ก็เลยลดลง รวมไปถึง อัตราการประหยัดน้ำมัน

แม้ว่าเราไม่ได้มีการทดลอง อย่างจริงจัง ในเรื่องของความประหยัด แต่ตัวเลขที่ ถูกเครมเอาไว้ถึง 15.9 กิโลเมตรต่อลิตร งั้นก็ถือว่าโดดเด่น อย่างยิ่งสำหรับรถ ในกลุ่ม C segment ซึ่งบนแผงหน้าปัด ตัวเลข consumption ที่ขึ้นโชว์ ให้เราเห็น ขณะขับขี่นั้น ก็ถือว่าไม่คลาดเคลื่อน ไปจากตัวเลข ที่ทางบริษัทผู้ผลิตแจ้งเอาไว้มากมายนัก

อย่างไรก็ตาม ในความรู้สึกของการขับขี่ ความแรงอาจจะไม่ใช่สิ่งที่โดดเด่นมากมายนัด แต่ความเหมาะสมสำหรับเรื่องของ การใช้งาน การออกตัวที่มีประสิทธิภาพ การเร่งแซง ที่ทำได้อย่างน่าชื่นชมทำให้ All New Mazda3 เป็นรถที่ น่าสนใจ โดยเฉพาะ เครื่องยนต์ทำงานร่วมกับ สกายแอคทีฟไดรฟ์ เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ที่มี torque Converter เป็นตัวตัดต่อกำลัง

มาพร้อมกับ Manual mode ที่ Mazda เรียกว่า Activematic มีตำแหน่งของเกียร์โอเวอร์ไดร์ฟ ที่เกียร์ 5 กับเกียร์ 6 ซึ่งก็จะช่วยในเรื่องของความประหยัดลดอัตราสิ้นเปลือง ได้ในระดับหนึ่ง สิ่งที่ทำให้เราประทับใจอีกอย่างก็คือรอยต่อของ จังหวะการเปลี่ยนเกียร์ มีความราบเรียบไม่สะดุดเหมือนเกียร์อัตโนมัติ ที่ใช้การต่อแบบทอร์คคอนเวอร์เตอร์ หลายๆ ยี่ห้อ

ส่วน Manual mode เป็นการเปลี่ยนตำแหน่งเกียร์ ที่ควบคุมด้วยตัวเราเอง ก็จะให้ความสนุกสนานในการขับขี่ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เหมาะกับทริปในการทดสอบ all new mazda3 ของเราในครั้งนี้ เนื่องจากว่าสภาพเส้นทาง ที่โค้ง ขึ้นและลงเขา การใช้เกียร์ที่เหมาะสม ก็จะช่วยให้ เราสามารถเรียกแรงบิดของรถออกมาใช้งานได้อย่างเต็มที่ อีกทั้งยังช่วยเป็น engine brake ในขณะที่ลงทางลาดชัน ด้วยความเร็วได้อย่างปลอดภัย

จุดเด่นในการออกแบบ ระบบเกียร์ของมาสด้าก็คือ มนุษย์โหมดจะมีให้เลือกเล่น 2 ส่วน สำหรับท่านที่ชื่นชอบกับการเล่นที่คันเกียร์ ก็สามารถเปลี่ยน ตำแหน่งเกียร์ได้ที่ คันเกียร์โดยดึงเข้าหาตัว จากนั้น ตำแหน่งเกียร์จะขึ้นโชว์ที่หน้าปัด เมื่อเราดันคันเกียร์ขึ้น ตำแหน่งเกียร์จะลดลง ในทางกลับกันถ้าเราดันคันเกียร์ลงด้านล่าง จะเป็นการเพิ่มตำแหน่งเกียร์ ซึ่งการออกแบบของ Mazda ก็จะแตกต่างกับรถยนต์ยี่ห้ออื่นที่ดันขึ้นจะเป็นการเพิ่มตำแหน่งเกียร์ ดันลงเป็นการลดตำแหน่งเกียร์ซึ่งก็คงต้องทำความคุ้นเคย กันอีกสักเล็กน้อย

นอกจากนี้ ยังมี การเปลี่ยนเกียร์ในรูปแบบของ แพดเดิ้ลชิพ ที่ด้านหลังพวงมาลัย ซึ่งก็ จะเป็นรูปแบบการใช้งาน ปกติก็คือ ด้านขวา เป็นการเพิ่มเกียร์ ด้านซ้าย รถตำแหน่งเกียร์ ใช้งานง่ายและช่วยในเรื่องของความปลอดภัยในการขับขี่ขณะเข้าโค้ง ทำให้เราไม่ต้องปล่อยมือจากพวงมาลัย

ช่วงล่างเน้นสปอร์ต เหมาะสำหรับคนชอบกระด้าง แต่เกาะ

ระบบพวงมาลัย เป็นรักแอนด์พิเนียนพร้อมเพาเวอร์ช่วยผ่อนแรงแบบไฟฟ้า ส่วนระบบกันสะเทือนด้านหน้าเป็นอิสระแม็กเฟอร์สันสตรัทพร้อมเหล็กกันโคลง ส่วนด้านหลังเปลี่ยนมาใช้เป็นแบบกึ่งอิสระทอร์ชั่นบีม ซึ่งด้านหลังที่เปลี่ยนมาใช้ในรูปแบบของระบบรองรับ น้ำหนักลักษณะนี้ เขาก็ให้เหตุผล ว่ามันมีความลงตัวและ เหมาะสม กับการออกแบบใน All New Mazda3 มากกว่า

สิ่งที่เราสัมผัสได้สำหรับช่วงล่าง ที่ได้มีการ set up ใหม่นี้ ก็คือ เรื่องของความเป็นสปอร์ต การยึดเกาะถนนที่ ทำให้เรารู้สึกว่ามีความมั่นคง ทั้งเรื่องของ การออกแบบที่นั่งพวงมาลัย และโครงสร้างต่างๆ ซึ่งมันมีความสอดคล้องสมดุลกัน

อย่างไรก็ตาม ในความเป็นสปอร์ตของ All New Mazda 3บนถนนที่ เรียบ ลาดยาง ถึงแม้ว่าจะมีความโค้ง การยึดเกาะถนน และการ ซับแรงสะเทือน ในช่วง ถนนที่เป็นคลื่นนั้น ทำได้ดี แทบไม่มีที่ติ แต่สำหรับการเก็บรายละเอียด ในทางที่เป็นถนนลูกรังหรือทางขรุขระกรวดลอย ยังมีแรงสะท้าน จากผิวสัมผัส ของหน้ายาง ขึ้นมายัง พื้นรถ ทำให้เรารู้สึกได้ว่า ความกระด้าง ยังคงมีให้เห็น

ด้วยการออกแบบที่ Mazda เองก็มุ่งหวัง อยากจะให้การซับแรงกระแทก หลังจากที่ตกหลุมหรือว่าขับผ่านเส้นทางขรุขระนั้น ไม่เกิดการเร่งของช่วงล่าง แล้วหยุดไปจังหวัดเดียว ซึ่งแน่นอนว่าความนุ่มนวล ในการขับขี่ก็จะสูญหายไปด้วย การใช้งานในเมืองหรือถนนที่เรียบจึงเป็น จุดเด่น ที่ทำให้ Mazda 3 ไร้ที่ติ แต่จุดด้อยของการขับบนทางขรุขระ ก็เป็นโจทย์ ที่ All New Mazda3 จะต้องเพิ่มความ สำคัญ เนื่องจากถนน เมืองไทย ไม่ได้ เรียบเนียน ทุกเส้น

อย่างไรก็ตาม สิ่งหนึ่งที่น่าจะมีผลโดยตรงกับเรื่องของ ความกระด้างอาจเป็นไปได้ที่ All New Mazda 3 ใน รุ่นท็อปทั้ง 2 ลักษณะ เลือกใช้ล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว ส่งมาไว้หรือยัง 215/45 r18 ก็เป็นไปได้ว่า ยางซีรี่ต่ำ แก้มยางเตี้ย มีผล เล่าเรื่องของความนุ่มนวลของรถ แต่สำหรับคน พี่บอกว่าชอบความ Sport กระด้างเล็กๆ ไม่เน้นเรื่องของความสบาย มีความนุ่มนวลมากนักก็คงจะชอบใจ ตอนนี้คือใ character ของ All New Mazda 3 ที่หลายคนหลงไหลและชื่นชอบ

การควบคุมที่โดดเด่นกับความปลอดภัยที่จัดเต็ม

ในเรื่องของการควบคุมและการขับขี่ยังไม่ได้หมดเพียงแค่ช่วงล่างกับเครื่องยนต์ ระบบที่เขาเรียกว่า ระบบควบคุมสมรรถนะการขับขี่อัจฉริยะขั้นสูง หรือ G vectoring Control Plus ซึ่งเป็นหนึ่งในเทคโนโลยีภายใต้ Skyactiv Vehicle Dynamics ซึ่งได้มีการพัฒนาต่อยอดมาจาก ระบบ GVC เดิม ช่วยให้การขับขี่ มั่นคง ในขณะเข้าโค้ง หรือว่าหักหลบสิ่งกีดขวาง ได้อย่างมั่นใจมากยิ่งขึ้น

แม้วันนี้เราจะไม่มีโอกาสได้ทดสอบระ บบ GVC อย่างเต็มรูปแบบ แต่ใน Mazda3 รุ่นก่อนหน้านี้ เราเคยทดลองกันมาแล้ว ซึ่งแน่นอนว่าในรุ่นใหม่ ก็จะมีความ มั่นคง และประสิทธิภาพเหนือมากกว่า รุ่นเดิมแน่นอน

มาถึงจุดเด่นและสิ่งที่ต้องชม ในส่วนของการปรับปรุงถนนกันเสียงใหม่ ซึ่ง Mazda เองก็ให้ความสำคัญกับการลดเสียงรบกวน โดยใน all new mazda3 นี้จะใช้โครงสร้างผนัง 2 ชั้นถือเป็นครั้งแรก โดยมีการเว้นช่องว่างระหว่างพรมปูพื้นและแผงตัวถังด้านล่าง จากนั้นก็จะเพิ่มวัสดุ ซับเสียงให้มากยิ่งขึ้น รวมไปถึงการลดเสียงลมในเบาะหลัง โดยการเพิ่มซีนระหว่างแผงหลังคาและประตูท้ายของ รุ่น ฟาสต์แบ็ค

ซึ่งการจัดการกับเสียง ใน All New Mazda 3 ก็ถือว่าได้ผล ประสบความสำเร็จ เป็นที่น่าชื่นชม เนื่องจากว่าตลอดการเดินทางของเรา มีเสียง รบกวนจากภายนอก น้อยมาก

ในส่วนของความปลอดภัย เราเคยพูดกันไปก่อนหน้านี้แล้วในช่วงที่มีการเปิดตัว All New Mazda 3 ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความปลอดภัยในเชิงป้องกัน I Active Sense ระบบควบคุมความเร็วและพวงมาลัยตามรถคันหน้า หรือว่า CTS ระบบไฟหน้า LED อัจฉริยะ รวมทั้งความปลอดภัยเชิงป้องกัน ตัวถังที่มีน้ำหนักเบาและแข็งแกร่ง การป้องกันการกระแทกด้านหน้า การป้องกันการกระแทกด้านข้างรวมไปถึงด้านหลัง

นอกจากนี้ยังมีระบบถุงลมนิรภัย SRS เบาะนั่งด้านหน้าออกแบบมาเพื่อลดการบาดเจ็บที่คอ การปกป้องคนเดินเท้า รวมทั้งป้องกันศีรษะของคนเดินเท้า สิ่งต่างๆเหล่านี้ หรือว่ามีส่วนช่วยให้ Mazda ประสบความสำเร็จ ในการออกแบบรถยนต์ได้เป็นอย่างดี

ความน่าสนใจของรถยนต์ All New Mazda 3 รวมกันหลายๆส่วน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การเข้าถึงความต้องการของผู้คน เทรนใหม่สำหรับการออกแบบที่ Mazda มองว่า ผู้บริโภคต้องการ อะไรความเรียบที่ดูดีมีสไตล์ สมรรถนะ ที่ใช้งาน ได้อย่าง เต็มประสิทธิภาพ ประหยัดน้ำมัน

การควบคุม ที่ตอบสนอง เมื่อถ่ายทอด ไปยังพวงมาลัย ความสะดวกสบาย และมีความสุขทุกครั้ง เมื่ออยู่ภายในรถ นอกจากนี้ ความปลอดภัย ก็ถือว่าเป็นสิ่งที่มีความสำคัญยิ่ง ทั้งคนขับและผู้โดยสารและเพื่อนร่วม ถนน ทุกคน ในสิ่งที่มันน่าจะต้องปรับปรุง เป็นไปตามที่เราแจ้งเอาไว้ แต่โดยรวมแล้วก็ถือว่า Mazda ตอบโจทย์ความต้องการ ของทุกคนได้เป็นอย่างดี ขับแล้วสนุกขับแล้วชอบ จึงมาบอกทุกท่านต่อครับ