“ลุย” ในแบบ ออฟโรด กับ ฟอร์ด เรนเจอร์ FX4 Max ใหม่
การปรับเปลี่ยนรูปโฉมใหม่สำหรับ ฟอร์ด เรนเจอร์ FX4 Max ใหม่ นั้นถึงแม้จะเป็นเพียงรุ่นเดียว และเจาะจงเฉพาะลูกค้าขาลุย หรือกลุ่มลูกค้าที่ชื่นชอบรถประเภทขับเคลื่อนสี่ล้อเท่านั้น แต่ก็ถือว่านี้คือจุดขาย และงานนี้ฟอร์ดก็จัดเต็มกับการปรับเปลี่ยนใหม่ นอกเหนือจากรูปร่างหน้าตาแล้ว สมรรถนะก็ถือว่าเลือกเอาบล็อกตัวแรงเข้ามาใส่ พร้อมทั้งการปรับช่วงล่างใหม่ให้เพมาะอย่างยิ่งกับการลุย และครั้งนี้ เรามีโอกาสได้ทดสอบสมรรถนะ โดยเฉพาะในด้านของการขับในสนามที่สร้างขึ้นมาเพื่อให้เห็นประสิทธิภาพของกำลัง และระบบขับเคลื่อนสี่ล้อโดยเฉพาะ ซึ่งแต่ละสเตชั่นก็จะชี้ให้เห็นถึงความน่าสนใจในการ ขับฟอร์ด เรนเจอร์ FX4 Max ใหม่ ได้ค่อนข้างชัดเจน แต่ก่อนที่เราจะพาไปลุยทางออฟโรดไปดูกันก่อนว่าการปรับใหม่ในครั้งนี้มีอะไรน่าสนใจบ้าง
เครื่องยนต์ และระบบช่วงล่าง
ถ้าจะเรียกว่าการปรับครั้งนี้เป็น “บิ๊ก” ไมเนอร์เชนจ์ ก็อาจพูดได้ไม่เต็มนัก เนื่องจากว่ารุ่นนี้แตกไลน์ออกมาเป็นอีกหนึ่งรุ่นย่อยของฟอร์ดเรนเจอร์ ในรุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อ
ซึ่งแต่เดิมเราจะเห็นตัวขับสี่ที่เป็น 4 ประตูอยู่ 3 รุ่นด้วยกันก็คือรุ่น ดับเบิ้ลแค็บ 2.0L Turbo Limited 4×4 10AT รุ่นดับเบิ้ลแค็บ 2.0L Bi-Turbo Wildtrak 4×4 10AT และรุ่น ดับเบิ้ลแค็บ 2.0L Bi-Turbo Raptor 4×4 10AT
โดยรุ่นที่เราได้ ขับฟอร์ด เรนเจอร์ FX4 Max ใหม่ นี้จะนำเอาเอาตัวดับเบิ้ลแค็ป 4×4 ตัวต่ำสุดมาทำการปรับปรุงใหม่ จุดแรกที่เราจะพูดกันก็คือเรื่องของเครื่องยนต์ จับเอาตัวแรงสุดของรุ่นมาใส่ก็คือ 2.0 ลิตร Bi-Turbo หรือเทอร์โบคู่ เกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด พร้อมโหมดเปลี่ยนเกียร์ธรรมดา
ให้พละกำลังสูงสุด 213 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 500 นิวตันเมตร จะเห็นว่าเครื่องที่ใช้ใน เรนเจอร์ FX4 Max ใหม่ นี้จะเป็นตัวเดียวกับ เครื่อง Wildtrak 4×4 และ Raptor 4×4 นั่นเอง
สิ่งที่ถือว่ามีการปรับใหม่ และเราได้ทดสอบกันในครั้งนี้ด้วยก็คือเรื่องของ ช่างล่าง โดยระบบกันสะเทือนด้านหน้าแบบอิสระปีกนก 2 ชั้นพร้อม FOX Shock ขนาด 2 นิ้ว แบบโมโนทิวบ์ และเหล็กกันโคลง ขนาด 29 มม. ส่วนระบบกันสะเทือนด้านหลังแบบแหนบซ้อน พร้อม FOX Shock ขนาด 2 นิ้ว แบบมีซับแทงค์แยก เพื่อยกระดับวิสัยทัศน์การขับขี่ที่ดีขึ้น
ล้ออัลลอย 17″ ใหม่ สีโบลเดอร์เกรย์ ออฟเซ็ท +42 มม. ที่ช่วยเพิ่มฐานความกว้างของรถมากถึง 26 มม. มาพร้อมยางออลเทอร์เรนขนาด 265/70 R17
การปรับเปลี่ยนภายนอก
สิ่งหนึ่งที่เห็นได้อย่างชัดเจน ก็คงหนีไม่พ้นเรื่องของหน้าตา จุดหลักที่มีการออกแบบใหม่ก็คือกระจังหน้า F-O-R-D ขนาดใหญ่ ที่คล้ายคลึงกับรุ่นพี่ แรฟเตอร์ โดดเด่นสีเทา รวมถึงมือจับภายนอกสีเทา ซุ้มล้อแบบใหม่ เฉพาะรุ่น FX4 Max ทั้งหน้าและหลัง
บันไดข้างโลหะสีดำแบบออฟโรดพร้อมผิวกันลื่น เพื่อการขับขี่ผจญภัยแบบออฟโรดเต็มประสิทธิภาพ โรลบาร์สีดำด้าน การตกแต่งด้วยสีเทาโบลเดอร์เกรย์ ทั้งกระจังหน้า กันชนหน้าและหลัง
ฝาครอบระบายอากาศ กระจกมองข้างสีเทา รวมถึงมือจับประตูไฟหน้าแบบ LED โปรเจกเตอร์ พร้อมไฟวิ่งกลางวัน LED DTRL มาพร้อมไฟตัดหมอกหน้า โดยรวมนั้นถือว่าโดดเด่นพอตัว
สำหรับอุปกรณ์ภายใน ก็จะมีเบาะหนัง, หนัง Alcantara และหนังสังเคราะห์กำมะหยี่ ปักเป็นโลโก้ FX4 Max ลายคาร์บอน โดยเบาะนั่งคนขับปรับตำแหน่งได้ 6 ทิศทาง และปรับเบาะนั่งผู้โดยสารได้ 4 ทิศทาง คันเร่งแบบสปอร์ต (เช่นเดียวกับ ฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์) ชุดผ้ายางปูพื้นทุกตำแหน่ง ในส่วนอื่นๆ ก็จะเป็นแบบเดียวกับรุ่น 4×4 ตัวต่ำสุด ไม่มีแอร์หลังมาให้ แต่แฟนฟอร์ดก็บอกว่า แอร์เรนเจอร์นั้นเย็นทั่วถึงอยู่แล้ว
ในส่วนของระบบและเทคโนโลยีความสะดวกสบาย และความปลอดภัยนั้นก็ให้มาตามสมควร ถือว่าไม่น้อยสำหรับรถในตัวขับเคลื่อนสี่ล้อ
พร้อมทดสอบสมรรถนะและการ ขับฟอร์ด เรนเจอร์ FX4 Max ใหม่
ต้องออกตัวก่อนครับว่า การขับครั้งนี้เป็นการขับในสนามที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อให้เห็นสมรรถนะของ ฟอร์ด เรนเจอร์ FX4 Max ใหม่ ซึ่งแน่นอนว่า การเซ็ตอัพอุปสรรคต่างๆ นั้นก็คงต้องเป็นไปตามความสามารถของรถจะทำได้ แต่ถ้าเรามองด้วยสายตาแล้ว แต่ละสนานีนั้นไม่ธรรมดา มีความยากง่ายที่ต้องอาศัยทั้งทักษะในการขับขี่ และสมรรถนะของรถเข้าด้วยกัน
รถกระบะขับเคลื่อนสี่ล้อสามารถผ่านได้ทุกสถานี ทว่าจะไปด้วยความนุ่มนวล หรือยากง่ายต่างกันตามกำลัง และประสิทธิภาพ ซึ่งสนามนี้ก็ไม่ได้นำเอาคู่แข่งมาเปรียบเทียบซะด้วย
เริ่มต้นสถานีแรก กับการ ขับฟอร์ด เรนเจอร์ FX4 Max ใหม่
ด้วยการขับลงทางลาดชันด้วยเกียร์ต่ำ โดยใช้ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ (4L) พร้อมทดสอบระบบควบคุมความเร็วขณะลงเขา (Hill Descent Control) ที่พารถลงเนินลาดชันได้อย่างปลอดภัยด้วยความเร็วคงที่ตามที่ตั้งไว้ จุดเด่นของระบบ HDC ของฟอร์ดที่น่าสนใจ ก็คือในระหว่างที่ลงทางชันด้วยระบบ จะสามารภเพิ่มความเร็วได้ที่แป้นพวงมาลัยด้านขวามือ แต่ก็เพิ่มได้ไม่เยอะยังคงเน้นในเรื่องของความปลอดภัยเป็นสำคัญ
สถานีที่ 2
เราต้องปรับโหมดการขับขี่จากการขับเคลื่อน 4 ล้อ เป็นการขับขี่ 2 ล้อ แบบ Shift on the Fly สถานี้ลองเรื่องการบังคับควบคุม และการทรงตัวขณะที่เราขับขี่แบบซิกแซกหรือสลาลม ในทางฝุ่น ซึ่งระบบความปลอดภัยที่เข้ามาช่วยก็คือระบบรักษาเสถียรภาพการทรงตัว (Electronic Stability Program หรือ ESP) ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี และควบคุมการลื่นไถล (Traction Control)
สิ่งหนึ่งนอกเหนือจากระบบความปลอดภัยก็คือ การบังคับควบคุมของพวงมาลัยถือว่าแม่นยำ และควบคุมง่าย สว่นหนึ่งเป็นเพราะการใช้ยางออลเทอร์เรน KO2 จาก BF Goodrich ขนาด 265/70 R17 ที่ยึดเกาะเส้นทางฝุ่นได้อย่างมั่นคงและเพิ่มความสมดุลในการกระจายน้ำหนัก
สถานีที่ 3
เป็นการทดสอบความโดดเด่นของสมรรถนะช่วงล่าง ด้วยระบบกันสะเทือน FOX Shocks แบบโมโนทิวบ์ขนาด 2 นิ้ว ทั้งด้านหน้าและหลัง ด้วยเส้นทางเนินสลับโดยการใช้โหมด 4L วิ่งผ่านเนินสลับซ้ายขวา พร้อมอวดการทำงานของ ระบบล็อกเฟืองท้าย (Locking rear differential) ในฟอร์ด เรนเจอร์ FX4 Max ที่ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถควบคุมรถได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ช่วงล่างที่เซ็ตมานั้นถือว่านุ่มนวลพอตัวในด้านการขับแบบออฟโรด โดยเฉพาะการยืด-ยุบ ของโช้คอัพนั้น มีประสิทธิภาพดี แล้ไม่ใช่ FOX Shocks ตัวบนๆ แต่ก็ไม่เสียชื่อ FOX ทว่า การขับบนทางขรุขระด้วยความเร็ว หรือเราเรียกว่าวิ่งรูดหลุมบ่อนั้นก็เป็นอีกอารมณ์หนึ่ง รู้สึกได้ถึงความกระด้างซึ่งเขาคงตั้งใจไม่ให้นุ่มนวลจนเกินไปนัก เนื่องจากต้องเซ็ตเอาไว้รองรับน้ำหนักบรรทุกที่กระบะหลังด้วย
สถานีที่ 4
การขับขี่บนเนินเอียงกับการปรับไปใช้โหมดเกียร์สูง 4H ด้วยระยะต่ำสุดจากพื้น (Ground clearance) ของฟอร์ด เรนเจอร์ FX4 Max ใหม่ ที่ยกสูงจากพื้นถนนมากถึง 256 มม. อีกทั้งยังยังมีมุมเงยและมุมจากที่ถูกยกระดับขึ้นจากรุ่น XLT เพื่อตอบสนองการทำงานของระบบขับเคลื่อน 4 ล้อได้อย่างเต็มที่ ยังทำให้ผ่านอุปสรรคไปได้อย่างราบรื่นและมั่นคง อันนี้ต้องขอชมเชย
สถานีที่ 5 ปิดจ็อบ ขับฟอร์ด เรนเจอร์ FX4 Max ใหม่
โดยการขับเคลื่อน 4 ล้อ และตัวช่วยเฉพาะอย่างโช้คหลังมาพร้อมกับซับแท้งค์ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการดูดซับแรงกระแทกขณะลงเนินที่มีความชันต่อเนื่อง จบการทดสอบขับรถด้วยการไต่ขึ้น-ลงเนินสูงชัน ทดสอบกำลังเครื่องยนต์และเทคโนโลยีระบบควบคุมความเร็วขณะลงเขา ก็จะได้อลองใช้ระบ HDC กันอีกครั้ง
การปรับ หรือเรียกว่าเพิ่มรุ่นโดยอาศัยพื้นฐานเดิมมาเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นเพื่อให้ประสิทธิภาพในการ “ลุย” สำหรับคอออฟโรดนั้นถือว่า ฟอร์ดทำได้อย่างน่าสนใจ ซึ่งถ้าจะพูดถึงพื้นฐานเดิมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ และกำลังในตัวเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร เทอร์โบธรรมดานั้น ก็เพียงพอต่อการใช้งานอยู่แล้ว แต่ก็จัดใส่เครื่องยนต์ 2.0 ลิตร เทอร์โบคู่มาใช้ทำให้อุปสรรค์ ไม่ว่าจะเป็นการไต่เนินสูง หรือสถานีที่ต้องอาศัยแรงบิด และกำลังเครื่องยนต์เยอะๆ กลายเป็นเรื่องง่ายไป
แน่นอนว่า ใส่มาให้ขนาดนี้ ราคาก็ย่อมต้องสูงขึ้น ถึงแม้จะไม่เทียบเท่าตัว ดับเบิ้ลแค็บ 2.0L Bi-Turbo Wildtrak 4×4 10AT และรุ่น ดับเบิ้ลแค็บ 2.0L Bi-Turbo Raptor 4×4 10AT แต่ค่าตัวของ ฟอร์ด เรนเจอร์ FX4 Max ใหม่ ที่ตั้งเอาไว้ที่ 1,189,000 บาท ก็มีสิทธิ์ทำให้ กระเป๋าตังของแฟนฟอร์ดขาลุยทั้งหลายสั่นระริกแน่นอน