ขับ นิสสัน ลีฟ บนเส้นทางในเมืองและรอบกรุง ประหยัดแบบไม่ต้องลุ้น
รถยนต์พลังงานไฟฟ้า ถือเป็นสิ่งที่พูดถึงกันมานาน โดยเฉพาะรถยนต์จากค่ายนิสสัน ที่จัดเป็นรถไฟฟ้า ยอดฮิตอันดับต้นๆ ของโลกนั่นก็คือ นิสสัน ลีฟ รถพลังงานไฟฟ้า ที่ปูทางอวดโฉม และเผยถึงเทคโนโลยีที่น่าสนใจมานานตั้งแต่ช่วงที่ยังไม่ได้เปิดตัวในบ้านเรา ซึ่งก็มีข้อสงสัยถึงเรื่องของการใช้งานมากมาย ไม่ว่าเป็นเป็นของระบบการชาร์จไฟ รวมถึงเมื่อนำมาใช้งานจริงในบ้านเราจะมีปัญหาเรื่องของระยะทางในการใช้งาน หรือระบบไฟฟ้าที่อาจมีปัญหากับประเทศเขตร้อน และฝนตกชุกมีน้ำท่วมขังในเขตเมืองกรุง
ที่ผ่านมาการทดสอบรถยนต์ นิสสัน ลีฟ ถูกจัดขึ้นในสถานที่ปิด และแม้จะมีการทดสอบด้านการใช้งาน แต่ก็ไม่เป็นที่เปิดเผยให้เห็นกันมากนัก แต่สำหรับครั้งนี้ นิสสัน อยู่เฉยไม่ได้ เมื่อ “แทรนด์” ของรถยนต์พลังงานไฟฟ้า เริ่มมาแรง แม้เจ้าใหญ่อย่างโตโยต้า เองจะยังออกลูกแทงกั๊ก ลุยจำหน่ายเฉพาะรถยนต์ ไฮบริด ที่ทางค่ายใหญ่เองก็มองว่า นี่ก็ถือเป็นรถยนต์พลังงานไฟฟ้าอีกรูปแบบเช่นกัน
อย่างไรก็ตามค่ายรถยนต์ น้องใหม่มาแรง ก็คือ MG ที่เผยโฉม ZS EV ออกมาสู่ตลาดรถไฟฟ้าเต็มรูปแบบในบ้านเราก็ทำให้นิสสัน อยู่เฉยไม่ได้ที่จะประกาศให้ผู้บริโภคที่ชื่นชอบเทคโนโลยี และพร้อมที่จะเปิดประสบการณ์ใหม่ๆ ของรถพลังงานไฟฟ้าให้รับรู้ถึงความน่าใช้ในทุกมิติของรถยนต์ นิสสัน ลีฟ
นิสสัน ลีฟ รถพลังงานไฟฟ้า เริ่มต้นกันด้วย จิมคาน่า e-Pedal
การทดสอบที่เน้นในเรื่องของสมรรถนะในการขับขี่ ช่วงล่าง และทคโนโลยีที่ผู้ผลิตอยากให้เราได้เห็นภาพที่ชัดเจนขึ้น ซึ่งการทดสอบในสนามผิดถือเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด การใช้รูปแบบของการขับแบบ “จิมคาน่า” ก็จะช่วยให้เรารับรู้ถึงความคล่องตัวในการใช้งาน รวมทั้งประสิทธิภาพในการขับขี่ การยึดเกาะถนน และกำลังของมอเตอร์ไฟฟ้าที่เร่งได้อย่างทันใจ และข้อสำคัญ ขับกันในโหมดการส่งกำลังแบบ e-Pedal ซึ่งจะเป็นอุปกรณ์มาตรฐานใหม่สำหรับรถยนต์พลังงานไฟฟ้า
เพื่อเพิ่มความสะดวกให้ผู้ขับขี่ในการออกตัว เร่งความเร็ว ชลอความเร็ว หยุดนิ่งและควบคุมตัวรถให้อยู่กับที่ด้วยการใช้แป้นคันเร่งอย่างเดียว ด้วยอัตราการชะลอความเร็วที่สูงถึง 0.2G เพียงยกเท้าออกจากคันเร่ง ตัวรถจะลดความเร็วจนหยุดนิ่งได้อย่างนุ่มนวล โดยไม่จำเป็นต้องแตะแป้นเบรก
การออกแบบของตัวรถที่มีจุดศูนย์ถ่วงต่ำทำให้ นิสสัน ลีฟ เป็นรถที่ควบคุมง่ายเกาะโค้งได้ดี เมื่อเทียบรถยนต์ปรกติทั่วไป นอกจากนี้ระบบขับเคลื่อนพลังงานไฟฟ้า (e-powertrain) ซึ่งเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน พร้อมกับมีแรงบิดและพละกำลังที่สูงขึ้น โดยมีการส่งกำลังที่ 110 กิโลวัตต์ มากกว่าลีฟ เจนเนอเรชั่นก่อนหน้า 38 เปอร์เซ็นต์ มีแรงบิดเพิ่มขึ้น 26 เปอร์เซ็นต์เป็น ระบบขับเคลื่อนพลังงานไฟฟ้า (e-powertrain) ซึ่งเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน พร้อมกับมีแรงบิดและพละกำลัง320 นิวตันเมตร ส่งผลให้มีอัตราเร่งที่ยอดเยี่ยมยิ่งขึ้นโดยมีอัตราเร่งจาก 0-100 กม/ชม ด้วยเวลาเพียง 7.9 วินาทีก็ช่วยความรู้สึกถึงอัตราเร่งที่โดดเด่น และต่อเนื่องจากพละกำลังของมอเตอร์ไฟฟ้าได้อย่างชัดเจนขึ้น
สู่การใช้งานจริง “ขับรถรอบกรุง”
แม้ว่าการออกแบบของ นิสสัน ลีฟ อาจจะดูไม่ “ล้ำอนาคต” เหมือนรถยนต์ไฟฟ้าต้นแบบหลายยี่ห้อ แต่ยังมีเอกลักษณ์ที่โดดเด่นของ ลีฟ ที่ชี้ให้เห็นถึงความทันสมัย แต่มีเส้นสายที่เรียบง่ายสะอาดตา แต่แฝงไปด้วยความดุดัน รวมไปถึงความโฉบเฉี่ยวของการเล่นแสงเงา ซึ่งการออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวในส่วนของกระจังหน้าแบบ V-Motion, ไฟรูปทรง “บูมเมอแรง” และการออกแบบแนวเส้นหลังคา แสดงให้เห็นการออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะในแบบของนิสสัน เพื่อให้ลีฟ ใหม่ มีความเชื่อมโยงกับรถยนต์รุ่นอื่นๆ ของนิสสัน
อย่างที่เราบอกกันไปคร่าวๆ ว่า นิสสัน ลีฟ ใหม่ มีระบบขับเคลื่อนพลังงานไฟฟ้า (e-powertrain) ขนาดความจุ 40 กิโลวัตต์ชั่วโมง (kWh) มีกำลังเครื่องยนต์สูงสุด 110 กิโลวัตต์ (kW) และแรงบิดสูงสุด 320 นิวตันเมตร ให้อัตราเร่งที่ดีขึ้น จาก 0 ถึง 100 กม./ชม. ภายในเวลาเพียง 7.9 วินาที เมื่อชาร์จแบตเตอรี่เต็ม 100% สามารถขับขี่ได้ระยะทางสูงสุดถึง 311 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน NEDC (New European Driving Cycle) แต่สำหรับการทดสอบขับจริงของเราในครั้งนี้ มีระยะทางรวมกว่า 140 กิโลเมตร แต่เป็นเส้นทางที่หลากหลาย และที่สำคัญก็คือการขับรถผจญสภาพการจราจรที่ติดขัดของกรุงเทพฯ ในวันฝนเท อีกด้วย
การเดินทางเริ่มต้นจากแยกพระราม 9 ตัดถนนรัชดา มีจุดเช็คพอยท์ที่เราต้องเดินทางทั้งหมด 5 จุดก็คือ REVA FLOATING CAFÉ ซึ่งอยู่แถว อ.นครไชยศรี จ. นครปฐม นอกจากนี้ยังมี จุดเช็ตพอยท์ที่ร้า ช่างชุ่ย ตลิ่งชัน ส่วนจุดในเมืองก็จะมี warehouse 30 คอมมูนิตี้มอลล์ย่านถนนเจริญกรุง และไปจิบชาเสือกันที่สยามสแควร์ และจุดที่ขาดไม่ได้ก็คือการมาลองระบบ e-Pedal กันบนลานจอดรถชั้นดาดฟ้าของตึกฟอร์จูนทาวเวอร์ ไม่ไกลจากจุดเริ่มต้น และสิ้นสุดการเดินทางของการทดสอบรถยนต์ไฟฟ้า นิสสัน ลีฟ
หลังจากการชาร์จไฟเต็มแบตเตอรี่ สถานการณ์ขับเคลื่อนบนหน้าจอแต้งว่าสามารถวิ่งได้ในระยะทาง 260 กม. ซึ่งเป็นตัวเลขที่เชื่อว่าหลายคนอาจเห็นแล้วไม่ประทับใจนัก แต่ด้วยเรื่องของเทคโนโลยี e-Pedal ระหว่างที่รถติดหรือการถอนคันเร่งมีการรีชาร์จไฟเข้ามาเก็บไว้ในแบตเตอรี่ ด้วยชุดแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออนชุดใหม่ขนาด 40 กิโลวัตต์ชั่วโมง (kWh) ที่ได้รับการพัฒนาและออกแบบให้มีความจุพลังงานที่ดีขึ้น โดยยังมีขนาดเท่าเดิม มีความหนาแน่นของพลังงานเพิ่มขึ้น 60 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับรุ่นปี 2010 ทำให้เรื่องของระยะทาง และการขับรถในสภาวะรถติดนานหลายชั่วโมง แถมในช่วงเย็นมีฝนกระหน่ำกรุงเพิ่มดีกรีของรถติดเป็นทวีคูณ ซึ่งหลายคันมาถึงจุดในเวลามืดก็ยังเหลือระยะทางในการขับของรถที่แสดงบนหน้าปัดได้เกินกว่า 100 กม.ทีเดียว
นิสสัน ลีฟ รถพลังงานไฟฟ้า กับ จุดดี จุดเด่น และจุดด้อย มาครบสูบ
ต้องยอมรับว่า รถยนต์พลังงานไฟฟ้า นิสสัน ลีฟ มีความน่าสนใจในเรื่องของเทคโนโลยีที่ทันสมัย จัดใส่มาให้มากมาย ทั้งเรื่องของเทคโนโลยีความปลอดภัย ที่ให้มาให้เต็มที่ รวมทั้งเรื่องของเทคโนโลยีที่ช่วยให้การขับขี่สะดวกสบาย ความบันเทิง และเอนเตอร์เทนก็มีพอสมควร ซึ่งเราคงไม่ต้องพูดถึงจุดเด่นเหล่านั้น
เรื่องสมรรถนะการขับขี่ และควบคุมก็เป็นสิ่งที่โดดเด่น ทั้งการเดินทางในเมือง และนอกเมือง ซึ่งเราได้พิสูจน์ก็แล้วว่า ปัญหารถติดหรือการเดินทางไกล ไม่ใช่อุปสรรค์ของรถยนต์พลังงานไฟฟ้าจากค่ายนี้
การประหยัดพลังงาน ไม่ต้องกังวลในเรื่องของการเติมน้ำมัน รวมทั้งการถ่ายน้ำมันเครื่อง และในส่วนอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการใช้เครื่องยนต์สันดาปภายในต่างๆ ซึ่งก็จะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ไปได้
รถยนต์พลังงานไฟฟ้า รักษ์โลก เป็นที่เรารู้กันอยู่ว่ารถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่มีปริมาณการปล่อยไอเสียออกมาจากรถเป็น ศูนย์ ก็ทำให้มลพิษที่ออกมาจากการขับเคลื่อนไม่มีให้เห็นบนท้องถนนนั่นเอง แต่ก็อาจจะมีในส่วนของกระบวนการผลิต และอนาคตที่หลายคนพูดถึงก็คือเมื่อแบตเตอรี่หมดอายุขัย ก็คงจะต้องมีกระบวนการรีไซเคิ้ล หรือการขจัดขยะพิษให้เป็นในมาตรฐานที่ให้ความปลอดภัยสูงสุดด้วย
ราคาค่าตัว อีกสิ่งหนึ่งที่ต้องยอมรับว่า การที่ รถยนต์ไฟฟ้า นิสสันลีฟ ตั้งราคาจำหน่ายเอาไว้ที่ 1,990,000 บาท นั้น ก็มีผลต่อการตัดสินใจสำหรับการจับจองเป็นเจ้าของพอสมควร เพราะถึงแม้หลายคนจะชื่นชอบในเทคโนโลยีรถยนต์ไฟฟ้า ชื่นชอบกับการขับขี่ที่มีความโดดเด่น ความประหยัด ความสะดวกสบาย รวมทั้งมีจิตใจรักษ์โลก แต่เรื่องราคาที่ตั้งเอาไว้ทำให้คนที่มีรายได้ไม่สูงนักเข้าถึงได้ยากหน่อย ซึ่งก็ถือว่าเป็นอุปสรรค์ที่ทางนิสสันต้องแก้โจทก์นี้ให้ได้ถ้าจะเรื่องของยอดจำหน่ายมากกว่าอิมเมจ