จอดรถทิ้งไว้นานงานจะเข้า สตาร์ทบ้าง ขยับบ้าง ป้องกัน “งานเข้า”
การดูแลรักษารถนั้นมีอยู่ด้วยกันหลายวิธี แม้การบำรุงรักษาตามระยะยังคงเป็นสิ่งสำคัญที่เราพึงต้องปฏิบัติ แต่การดูแลรถที่ไม่ค่อยได้ใช้งาน หรือการจอดรถทิ้งไว้นาน เก็บไว้แต่ในโรงจอด ก็คงไม่เป็นผลดีกับรถที่เรารักเท่าไหร่นัก แม้อุปกรณ์บางอย่างไม่ได้เสื่อมจากการใช้งาน แต่ก็เสื่อมเนื่องจากการไม่ค่อยได้ใช้งานได้ด้วยเช่นกัน
สำหรับรถที่จอดอยู่เฉยๆ ไม่ได้ใช้งานหรือว่านานๆ จะใช้ซักทีหนึ่งนั้น คงต้องมีอันเป็นไปในไม่ช้าอย่างแน่นอนครับ รถมันก็เหมือนกับคนนั่นแหละ ไม่ได้ออกกำลังกายนานๆ เข้า แข้งขามันก็รู้สึกตึง กล้ามเนื้อเหลว ไม่มีแรง แถม สมรรถภาพด้านอื่นๆ ยังอาจจะเสื่อมถอยลงไปด้วย
ภายนอกขอบยางเริ่มเสื่อม
สิ่งแรกของอาการ “เสื่อม” ที่เรามองเห็นได้ด้วยสายตาเลยก็คือตัวถังภายนอก บางคันมีที่จอดรถก็จะถือว่ามีเกราะป้องกันช่วยชลอความเก่าของสีรถลงไปได้พอสมควร แต่สำหรับคันที่ต้องจอดจากแดด ตากฝนนั้น จะเห็นความเปลี่ยนแปลงได้ในแค่พรรษาเดียวเท่านั้นแหละครับ ยิ่งเป็นรถเก่าที่ยังไม่ได้ทำสี หรือผ่านการทำสีมาแล้วแต่ไม่ได้ทำแบบรื้อทั้งคัน โป๊วสีมาไม่ดี เก็บงานไม่เรียบร้อย ก็อาจจะทำให้สนิมที่รอเวลาปูดอยู่ภายในนั้นโผล่ออกมาให้เห็นก่อนเวลาอันควรได้ ต่อมาก็คงเป็นเรื่องของยางขอบประตู ยางขอบกระจกต่างๆ ยางใบปัดน้ำฝน ก็จะเริ่มแข็งเพราะความร้อนของแดดในหน้าร้อนที่ผ่านมา สลับกับฝนที่โปรยปรายคุณสมบัติของยางที่จะต้องยืดหยุ่นได้ก็จะลดน้อยลงกลายเป็นแห้งกรอบและขาดง่าย
ล้อและยางที่ไม่ได้ขยับ
จอดรถทิ้งไว้นาน เรื่องของยางไม่ต้องพูดถึง น้ำหนักของตัวรถที่กดทับอยู่เป็นประจำทุกวันทุกอาทิตย์ และทุกเดือนทุกปีนั้น มันก็จะกดอยู่เพียงด้านเดียว ต่อให้เติมลมยางแน่นเปรี๊ยะขนาดไหน นานๆ ไปล้อก็คงจะหมดความกลม บิดเบี้ยวตามแรงกดของรถได้ จะเห็นว่าถ้าจอดรถทิ้งไว้นานๆ นั้นเขาก็มักจะนิยมขึ้นแม่แรงและก็ใช้สามขาค้ำเพลารถเอาไว้ จากนั้นก็ถอดยางไปเก็บในที่ที่เหมาะสม ไม่ตากฝนตากแดด ไม่เช่นนั้นยางก็จะหมดอายุ แม้ว่าไอ้เจ้ายางชุดนี้จะเพิ่งถอยออกมาใส่ในแม็กราคาหลายหมื่นได้ไม่นานมานี้ เสียเงินซื้อใหม่กันอีก แน่นอน
เครื่องยนต์นี่แหละสำคัญ
เข้ามาดูในห้องเครื่อง ถ้าไม่ได้สตาร์ทเครื่องยนต์กันนานๆ แบตเตอรี่ก็มีอันต้องลาโรงไปก่อนเป็นเจ้าแรก เพราะทนพิษบาดแผลที่ไม่ได้รักษาไม่ไหว ซึ่งมันก็คงจะเริ่มจากอาการ ไฟหมด ถ้าแบ็ตยังใหม่อยู่ก็อาจจะชาร์ตและใช้งานต่อได้ แต่การปล่อยให้น้ำกลั่นแห้งเป็นเวลานาน ก็อาจจะทำให้แบตเตอรี่อายุสั้นและก็จะเสื่อมไปในที่สุด
เมื่อสตาร์ทไม่ได้ลูกสูบก็ไม่หมุน เพลาข้อเหวี่ยงไม่วิดน้ำมันเครื่องขึ้นมาสาดเพื่อหล่อลื่น หรือปั๊มน้ำมันเครื่องไม่ทำงาน น้ำมันก็จะไปกองอยู่ที่อ่างน้ำมันเครื่องอย่างเดียว นานเข้า นานเข้า ก็อาจจะเกิดความฝืดตามจุดหมุนต่างๆ ได้ทั้งนี้ น้ำมันเครื่องที่สงบนิ่งเอง แม้ไม่มีอายุการใช้งามตามเข็มไมล์ แต่อายุขัยก็ยังคงต้องมีอยู่ จอดไว้นานๆ น้ำมันก็คงต้องเสื่อมสภาพไปตามสังขารแน่นอน
จากน้ำมันเครื่องก็มาเป็นน้ำมันเชื้อเพลิง ปัญหาหลักน่าจะอยู่ที่ถัง ซึ่งไม่ได้ผ่านการเติน้ำมันมานานเพราะก้นถังยังเหลือ แต่ไอ้ที่เลยก้นถังมานั้นแหละจะเป็นอาหารของ “สนิม” ซึ่งพร้อมรบอยู่แล้วตลอดเวลาถ้ามีโอกาสและความชื้นเหมาะๆ
สายไฟหนูชอบ
จอดรถทิ้งไว้นาน ระบบไฟ ก็เป็นปัญหาใหญ่ ดีไม่ดีอาจจะมีเจ้าตัวเล็กๆ เข้าไปกัดแทะให้ขาดกร่อนได้ ทั้งไฟที่ใช้ในการจุดระเบิด และไฟส่องสว่างรวมทั้งไปให้สัญญาณ และหลอดไฟก็อาจจะเสื่อมได้ง่ายกว่า
น่าเสียดายไม่ใช่น้อยครับสำหรับรถที่ต้องจอดเอาไว้เฉยๆ และแม้ว่าเราจะไม่ได้ใช้งานมัน แต่ทางที่ดีควรเอารถออกไปวิ่งบ้าง หรือไม่ก็สตาร์ทรถให้เครื่องยนต์ได้ทำงานบ้าง อย่าเกี่ยงในเรื่องของเวลาครับ ผมว่าเรามีกันทุกคนแหละเพียงแต่จะปลีกตัวหรือจัดสรรมาใช้ให้ได้อย่างเหมาะสมมากมายขนาดไหน หรือถ้าไม่มีเวลาจริงๆ ก็วาน ญาติพี่น้อง หรือเพื่อนฝูง ให้ช่วยกันดูแลให้หน่อย หรือถ้าคิดว่าไม่ได้ใช้จริงๆ แล้ว ก็ขายไปให้คนอื่นที่เขาต้องการใช้ดีกว่าครับ