มื่อมีการปรับเปลี่ยนใหม่ในครั้งนี้จะตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ รวมถึงอัตราเร่ง และความประหยัดมากน้อยขนาดไหน
ต้องยอมรับว่า ALL NEW MG3 นั้นมีต้นทุนในเรื่องของชื่อเสียงตั้งแต่อดีต แม้ปัจจุบันจะอยู่ในการดูแลของบริษัทแม่ที่ประเทศจีน แต่ดีกรีความเป็นรถจากแดนผู้ดีอังกฤษที่ถือกำเนิดก็ยังเป็นสิ่งที่ดึงอารมณ์ให้ลูกค้าได้สัมผัสกลิ่นอายและความสนุกสนานสไตล์อังกฤษ โดยในรุ่นใหม่นี้ได้มีการปรับเปลี่ยนรูปลักษณ์ให้โดดเด่นขึ้น ด้วยกระจังหน้าใหม่ พร้อมไฟหน้าแบบโปรเจคเตอร์ (Projector Headlamp) และที่ถือเป็นเอกลักษณ์ซึ่งมีให้เห็นตั้งแต่รุ่นเก่าก็คือการเลือกใช้โทนสีภายนอกที่สดใส ด้วยสีสันแนว บริท ดูโอ้ คัลเลอร์ สไตลิ่ง (Brit Duo Colour Styling) ซึ่งเขาจะออกแบบเป็นทูโทนในรุ่นสีสันฉูดฉาด และโมโนโทนในรุ่นสีเรียบๆ และแน่นอนว่ายังคงเก็บเอาหลังคา ซันรูฟ แบบปรับไฟฟ้ามาติดตั้งเอาไว้เติมเสน่ห์เช่นเดิม พร้อมกับการเสริมบุคลิกความสนุกให้โดดเด่นด้วยไฟท้ายแบบแอลอีดี ไลท์ไกด์ (LED Light Guide) การออกแบบด้านข้างที่ปราดเปรียวที่มีเส้นสายชัดเจนพาดจากด้านหน้าไปจนถึงซุ้มล้อหลัง และล้ออัลลอยดีไซน์ใหม่ แบบ Bi-Colour ขนาด 16 นิ้ว
ภายใน ถือเป็นอีกจุดหนึ่งที่ MG3 ใหม่นี้ทำได้ดีก็คือเรื่องการออกแบบภายในห้องโดยสารที่ดูมีสไตล์ อาจไม่ดูหรูหรามากนัก แต่ก็จะเน้นในเรื่องความสปอร์ตโดนใจวัยรุ่นมากกว่า คือมีเส้นสายกับสีสันของเบาะโดยสารลายโมเดิร์นกราฟิกเบาะเป็นไปตามลักษณะรถอาจไม่กว้างนัก แต่ก็นั่งสบายเดินทางไกลไม่เมื่อย ส่วนด้านหลังสามารถปรับพับแยกส่วนในการเก็บสัมภาระแบบ 60:40 ก็ถือว่าสะดวกดี พับไม่ยาก ส่วนเรื่องความบันเทิงจอหน้าระบบสัมผัส ขนาดใหญ่ถึง 8 นิ้วมีฟังก์ชันที่ฟังเพลง ดูหนัง ค้นหาโรงแรมและร้านอาหาร ตามสไตล์ MG พร้อมกล้องมองหลังขณะถอย และสัญญาณเตือนระยะถอยหลัง
ระบบอัจฉริยะ i-SMART ที่สามารถรองรับการสั่งการได้ด้วยเสียงภาษาไทย ซึ่งรุ่นใหม่นี้มีการอัพเดทฟังก์ชันใหม่บนแผนที่นำทางที่สามารถแนะนำร้านอาหาร และที่พัก รวมทั้งระบบเอ็นเตอร์เทนเมนต์ออนไลน์ รองรับการเชื่อมต่อไร้สายผ่านบลูทูธ พร้อมช่องเชื่อมต่อยูเอสบี (USB) และยังสามารถรวบรวมข้อมูลที่มีความสำคัญและแจ้งต่อผู้ขับได้ตลอดเวลา เช่น ระดับน้ำมันเชื้อเพลิง สภาพการทำงานของแบตเตอรี่ ถุงลมนิรภัย และสถานะประตู ผ่านสมาร์ทโฟน พร้อมกับช่วยบอกตำแหน่งรถยนต์และแจ้งเตือนการสตาร์ทเครื่องที่ผิดปกติซึ่งอาจเกิดจากการโจรกรรม ช่วยเพิ่มความปลอดภัยได้อีกระดับ
เครื่องยนต์ ALL NEW MG3 นั้นได้เครื่องยนต์ใหม่ที่พยิบมาจากรุ่นพี่ก็คือ MG ZS โดยจะเป็นเครื่องยนต์เบนซินแบบ DOHC VTi-TECH ขนาด 1.5 ลิตร ให้พละกำลัง 112 แรงม้าที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 150 นิวตันเมตรที่ 4,500 รอบต่อนาที ทำงานร่วมกับระบบส่งกำลังใหม่ที่มาคู่กัน ก็คือเกียร์อัตโนมัติ 4 จังหวะ ที่ทำงานสะดวกกว่าแต่ก่อน ราบเรียบ และสมู๊ทกว่าเกียร์แบบเดิม ซึ่งเชื่อว่าจะตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ทั้งหญิงและชายมากขึ้น แต่โดยส่วนตัวแล้วในเกียร์รุ่นเก่าก็ยังถือว่า
ขับสนุกถ้าใครถนัดในเรื่องของการชิพเกียร์เอง
เครื่องยนต์มีอัตราเร่งที่ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดี อาจจะไม่ทันใจวัยรุ่น แต่ก็เป็นไปตามลักษณะของเครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร ที่ไม่ได้มีเทอร์โบเข้ามาช่วย เพราะฉะนั้นในเรื่องของการที่จะตอบสนองเมื่อกดคันเร่งสุดแล้วคิ๊กดาวน์สวิชทำงานก็ไปได้ตามสมควร ตามจำนวนของม้าที่ออกมา 112 ตัว รอบเครื่องยนต์ใช้สูงไปนิดทำให้อัตราการบริโภคน้ำมันเมื่อใช้ความเร็วสูงหรือเร่งแซงบ่อยๆ นั้นสูง แต่ถ้าขับธรรมดาก็ยังอยู่ในเกฑ์ที่รับได้เฉลี่ยที่ 12.0 กม./ลิตร
ระบบความปลอดภัยก็ยังคงให้ความมั่นใจเช่นเดียวกับรถยนต์ เอ็มจี รุ่นอื่นๆ ด้วยระบบโครงสร้างตัวถังนิรภัย USD (Ultimate Stiffness Design) พร้อมถุงลมนิรภัยคู่หน้า และระบบความปลอดภัยแบบ SYNCHRONIZE PROTECTION SYSTEM รวม 8 ฟังก์ชัน ที่ทำงานประสานกันเป็นหนึ่งเดียวประกอบด้วย ระบบป้องกันล้อล็อกขณะเบรกฉุกเฉิน ABS(Anti-Lock Braking System) พร้อมระบบกระจายแรงเบรก EBD (Electronic Brake Force Distribution) ระบบเสริมแรงเบรกด้วยอิเล็กทรอนิกส์ EBA (Electronic Brake Assist) ระบบควบคุมการทรงตัว SCS (Stability Control System) เข้าโค้งอย่างมั่นใจด้วยระบบควบคุมการเบรกในขณะเข้าโค้ง CBC (Curve Brake Control) ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี และควบคุมการลื่นไถล TCS (Traction Control System) ระบบช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน HAS (Hill Start Assist System) และระบบป้องกันการลื่นไถล เมื่อเกียร์ลดต่ำอย่างฉับพลัน MSR (Motor Control Slide Retainer)
เรื่องของราคา MG3 ที่ออกมาให้เห็นนั้นก็เป็นสิ่งที่ช่วยให้ใครที่กำลังมองรถขนาดเล็กไว้ใช้งานตัดสินใจง่ายขึ้นโดยมีทั้งหมด 4 รุ่นก็คือ รุ่น C ราคา 519,000 บาท รุ่น D ราคา 549,000 บาท รุ่น X ราคา 589,000 บาท และรุ่น V ราคา 629,000 บาท ถือว่าเป็นราคาที่เร้าใจพอสมควร