MITSUBISHI ENGELBERG TOURER ครั้งแรกของโลก ในเจนีวา มอเตอร์โชว์
ต้นแบบแห่งอนาคตที่เชื่อว่า มีโอกาสเป็นจริงได้ โดยเฉพาะรถแนวความคิด ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยเทคโนโลยี ที่เข้ามามีส่วนร่วมในเรื่องของการอนุรักษ์พลังงาน และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งค่ายรถยนต์มิตซูบิชิมอเตอร์ส ภายในงานเจนีวามอเตอร์โชว์ ครั้งที่89 ที่จัดขึ้นตั้งแต่วันที่ 5 มีนาคม ถึงวันที่ 17 มีนาคม ได้มีการเปิดตัวรถแนวคิดที่ชื่อว่า MITSUBISHI ENGELBERG TOURER ครอสโอเวอร์รุ่นใหม่ที่ใช้การออกแบบตามปรัชญาการออกแบบ “Robust & Ingenious” ที่รวบรวมนิยามที่ว่า “Drive Your Ambition” และยังถือเป็นการส่งเสริมความน่าสนใจของรถ SUV ด้วยเทคโนโลยีมอเตอร์ไฟฟ้าขั้นสูงอีกด้วย
คำว่า “Engelberg” เป็นชื่อหมู่บ้านบนภูเขาที่ตั้งอยู่ในภาคกลางของสวิตเซอร์แลนด์และเป็นหนึ่งในสกีรีสอร์ทชั้นนำที่สามารถเพลิดเพลินกับทัศนียภาพอันงดงาม เป็นที่รู้จักกันว่าเป็นหนึ่งในสถานที่ที่สามารถเพลิดเพลินกับการเล่นสกีทั้งในลานสกีที่ได้รับการดูแลเป็นอย่างดี และลานสกีธรรมชาติที่สวยงามอีกด้วย
MITSUBISHI ENGELBERG TOURER เป็นต้นแบบที่ใช้ระบบ ปลั๊กอินไฮบริด EV (PHEV) ขับเคลื่อน 4WD ด้วย มอเตอร์คู่ ผู้ขับขี่สามารถขับรถอย่างมั่นใจภายใต้สภาพอากาศที่เลวร้าย และสภาพพื้นผิวถนนที่ขรุขระ ระบบ PHEV มีระยะเวลาในการขับขี่ที่ยาวนานซึ่ง สามารถขับได้อย่างปลอดภัยแม้จะอยู่ห่างจากตัวเมืองและสถานที่ที่โครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวกับสถานีชาร์จอยู่ห่างออกไปจากเมือง
การออกแบบ สำหรับ MITSUBISHI ENGELBERG TOURER ได้รับการออกแบบให้เป็นรถ SUV แบบครอสโอเวอร์คุณภาพสูงและใช้งานได้ทุกรูปแบบเหมาะสำหรับใช้งานในพื้นที่รีสอร์ทตามชื่อ การออกแบบตัวถังที่แสดงถึงความแข็งแกร่งมั่นคงสามารถวิ่งบนถนนและเส้นทางออฟโรด โดยมีฟังก์ชั่นการทำงานที่จะอำนวยความสะดวกให้ผู้ใช้ได้อย่างเต็มความสามารถ นอกจากนี้ยังเน้นการออกแบบเป็นเอกลักษณ์ของมิตซูบิชิ ไม่ว่าจะเป็นไฟตัดหมอกที่ติดตั้งอยู่ที่กล่องหลังคา ช่องโคมไฟหน้าขนาดใหญ่ และไฟท้ายที่ดูดุดัน ซึ่งก็มีส่วนช่วยให้ตัวลุยอห่งอนาคตนี้เป็น SUV ที่น่าใช้งานมากยิ่งขึ้น
การใช้โทนสีกับรถก็เป็นอีกส่วนที่สำคัญสำหรับการออกแบบ โดยวิศวะกรที่ดีไซน์จะใช้จินตนาการถึงความรู้สึกซึ่งสอดคล้องกับภูมิทัศน์ที่เต็มไปด้วยหิมะ โดยออกแบบให้ใช้สีที่เรียกว่า “ไอซ์บลู” ซึ่งจะออกไปทางสีฟ้า แต่จะปรับสีเข้มหรืออ่อนได้ตามที่แสงตกกระทบ นอกจากนี้ในระหว่างชาร์จพลังงานไฟฟ้า “Dynamic Shield” ที่ด้านหน้าจะมีแสงไฟสีน้ำเงินเบา ๆ เพื่อแสดงถึงคุณสมบัติที่เป็นเอกลักษณ์ของรถประเภท PHEV
การพัฒนาระบบมอเตอร์คู่ที่เป็นกรรมสิทธิ์ของมิตซูบิชิมอเตอร์ส ซึ่งเป็นระบบ PHEV ที่เคยใช้อยู่ใน Outlander PHEV ซึ่งจะโดดเด่นด้วยเทคโนโลยีการผลิตกระแสไฟฟ้ารูปแบบใหม่ ผสานเข้ากับเทคโนโลยีการควบคุมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ ยิ่งไปกว่านั้นด้วยการรวมเทคโนโลยีรถยนต์ที่เชื่อมต่อเข้าด้วยกันทางมิตซูบิชิก็ยังเน้นในเรื่องของการทำงานของระบบที่ปลอดภัยแม้ในสภาพอากาศและสภาพพื้นผิวถนนที่หลากหลาย
อย่างไรก็ตามการนำระบบ PHEV มาใช้กับรถ SUV ครอสโอเวอร์รุ่นต่อไป ของมิตซูบิชิ การออกแบบแบตเตอรี่สำหรับใช้ในการขับขี่จะต้องมีความจุขนาดใหญ่ขึ้น โดยที่เขาออกแบบให้ติดตั้งอยู่ด้านใต้บริเวณกึ่งกลางของรถ และแม้ว่าจะเป็นมีระบบมอเตอร์คู่ที่มีกำลังขับสูงและประสิทธิภาพสูงที่ติดตั้งที่ด้านหน้าและด้านหลัง แต่ก็มีพื้นที่ภายในที่กว้างขวางสามารถออกแบบที่นั่งเป็นแบบ 3 แถวเช่นเดียวกับรถประเภท MPV อีกด้วย
ในส่วนของเครื่องยนต์ติดตั้งเครื่องยนต์เบนซิน 2.4 ลิตร PHEV โดยเฉพาะ และในการผลิตไฟฟ้าในโหมดการขับขี่ที่จะต้องมีการชาร์จพลังงานไฟฟ้าเข้าเข้าสู่แบตเตอรี่ ก็จะใช้เครื่องกำเนิดพลังงานไฟฟ้าแรงสูง ซึ่งถูกออกแบบและปรับปรุงให้มีการทำงานที่เงียบมากยิ่งขึ้น และนอกเหนือจากการปรับปรุงประสิทธิภาพของระบบ PHEV ให้ดียิ่งขึ้นแล้ว ในเรื่องของการระบายความร้อนยังใช้เทคโนโลยีการออกแบบเข้ามาช่วยเพื่อลดการใช้พลังงาน ที่เห็นได้อย่างชัดเจนก็คือการลดแรงต้านของอากาศด้วยการดีไซน์กระจังหน้าให้เหมาะสมมากยิ่งขึ้น
สำหรับระยะทางขับเคลื่อนของ โหมด EV หรือว่าการใช้ไฟฟ้าขับเคลื่อนเพียงอย่างเดียวนั้น มีระยะทางมากกว่า 70 กม. จากสถานการณ์ชาร์จพลังงานที่เต็ม และเมื่อเติมน้ำมันเชื้อเพลิงเต็มจะมีระยะทางในการขับได้ไกลมากกว่า 700 กม. ทีเดียว
ในส่วนของการขับเคลื่อนสี่ล้อ จะมีระบบที่เรียกว่า Active Yaw Control (AYC) ที่จะเข้ามาควบคุมการกระจายแรงขับเคลื่อนของล้อคู่หน้าซ้ายและขวาให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นระบบที่ได้รับการพัฒนาต่อยอดมาจากตัวแรลลี่โลกอย่าง “Lancer Evolution” ด้วยระบบมอเตอร์คู่ประสิทธิภาพสูงที่ให้กำลังสูงทั้งด้านหน้าและด้านหลัง นำมาใช้ ในการควบคุมทำงานร่วมกับระบบเบรก ABS และระบบ ASC หรือ Active Stability Control และ ระบบควบคุมการเคลื่อนที่ของรถยนต์แบบไดนามิก หรือ “S-AWC” (Super All Wheel Control)
ระบบขับเคลื่อสี่ล้อแบบตลอดเวลาของระบบมอเตอร์คู่นั้น ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตอบสนองต่อการกระจายแรงขับเคลื่อนด้านหน้าและด้านหลัง เป็นเอกลักษณ์ของมอเตอร์ขับเคลื่อน ซึ่งจะสร้างแรงบิดสูงสุดตั้งแต่การออกตัว ซึ่งจะช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพการขับขี่โดยการควบคุมแรงขับของล้อหน้าซ้ายและขวาอย่างเหมาะสมนั่นเอง
ระบบเชื่อมต่อรถยนต์ที่อัจฉริยะ ซึ่งจะเริ่มทำงานเมื่อปลายทางถูกกำหนดโดยการนำทางระบบจะเลือกโหมดการขับขี่ที่ดีที่สุดล่วงหน้าตามสภาพอากาศ อุณหภูมิ ภูมิประเทศ รวมถึงสภาพจราจร และสภาพผิวถนนในเส้นทางที่จะเดินทาง ระบบการจัดการพลังงานของแบตเตอรี่ การขับเคลื่อน การควบคุมล้อทั้งสี่ด้วยการกระจายกำลังที่เหมาะสมทั้งหมดจะทำงานโดยอัตโนมัติ ซึ่งทำให้การขับขี่มีความปลอดภัยและสะดวกสบาย ช่วยในการประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงมากยิ่งขึ้นด้วย